สวัสดีค่ะ วันนี้เราขอเสนอ รีวิว ซีรี่ย์เกาหลี เรื่อง move to heaven เป็นซีรี่ย์แนว ชีวิต ซีรี่ย์อบอุ่นปนเศร้า สามารถรับชมได้แล้ว แบบเต็มเรื่อง พากย์ไทยและซับไทย ใครที่ยังไม่ได้ดูถือว่าพลาด และเป็น ละครโทรทัศน์ของเกาหลีใต้ที่กำกับโดย Kim Sung-ho ที่มาพร้อมกับนักแสดงนำ อย่าง Lee Je-hoon, Tang Jun-sang ใครที่ยังไม่ได้ดู ดูได้แล้วที่ ดูหนังออนไลน์ หรืออ่านรีวิวของเราได้แล้ว
เรื่องย่อ
move to heaven เรื่องย่อ เล่าเรื่องราวของ ‘ฮันกือรู’ (ทังจุนซัง) หนุ่มน้อยอายุ 20 ปี ที่มีอาการ ‘แอสเพอร์เกอร์ ซินโดรม’ (Asperger syndrome) ซึ่งเป็นอาการของผู้ที่มีความบกพร่องทางการแสดงออกและเข้าใจความรู้สึก อยู่ในกลุ่มสเปกตรัมเดียวกันกับ ‘ออทิสติก’ (Autism Spectrum Disorder) ก็นึกภาพไปถึง ‘มุนซังแท’ ใน ‘It’s Okay to Not Be Okay’ ได้เลยค่ะคล้าย ๆ กัน แต่เรื่องนี้ ฮันกือรู นิ่งและมีสติมีเหตุผลกว่า มุนซังแท มากนัก เพราะเป็นกลุ่มอาการที่ต่างกัน และปมชีวิตแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง ลักษณะอาการของAsperger syndrome
Han Guru ทำงานให้กับบริษัท Yitian ของบิดาซึ่งทำหน้าที่ทำความสะอาดซากศพ ซึ่งแตกต่างจาก Yitian พวกเขาไม่เพียงแค่ทำความสะอาดสถานที่เท่านั้น แต่พวกเขายังคงเก็บความทรงจำที่ผู้ตายทิ้งไว้ในกล่องความทรงจำ ส่งต่อให้ญาติหรือผู้สมควรได้รับ
แต่วันหนึ่งพ่อของคุรุเสียชีวิตกะทันหัน การเปลี่ยนแปลงใหม่เริ่มเกิดขึ้น เมื่อเขาต้องไปอยู่กับลุงแท้ๆ ของเขา “โจซังกู” (รับบทโดย อีแจฮุน) ที่เพิ่งออกจากคุก และได้รับแต่งตั้งจากบิดาให้เป็นปุโรหิต
บท การเล่าเรื่อง และสีสัน move to heaven
อาจเป็นเพราะนี่คืองานที่สร้างมาเพื่อสตรีมโดยตรงสิบตอนรวดซึ่งก็หมายความว่าถ่ายทำรวดเดียวแล้วส่งจอ และความได้เปรียบของส่วนนี้คือการเขียนบทที่ตั้งธงไว้ตั้งแต่ต้นจนจบแล้วเดินตามนั้นรวดเดียว ไม่ต้องกลัวกระแสไม่ต้องคิดมากจนทำให้เรื่องเป๋กลางทางทำให้เรื่องออกมาบินสูงตั้งแต่ตอนแรก และเป็นเช่นนั้นไปจนตอนสุดท้ายโดยที่ไม่ลดเพดานบินลงเลยแม้แต่นาทีเดียว แม้จะมองเห็นได้ว่าไม่มีอะไรรุนแรงมาปลุกเร้าจนเห็นความเรียบเรื่อย แต่ความเรียบไม่ได้หมายความถึงคำว่าเอื่อยเสมอไปซึ่งความเรียบแบบนี้มักจะมองเห็นได้ในงานจากญี่ปุ่น หากแต่เมื่อปรับมาเป็นบริบทแบบเกาหลีแล้วสิ่งที่เติมเข้ามาคืออารมณ์ที่วูบวาบ
เมื่อเล่าแต่ละเรื่องตัดกับภูมิหลังชีวิตของผู้วายชนม์ จึงมีสีสัน สดใส มีแต่สีสันสวยงามไม่มีความโศกเศร้า ความฉลาดของบทคือเลือกเล่าเรื่องการค้นหาคำพูดสุดท้ายของคนตาย คล้ายๆ ปริศนาของกูรู ด้วยการพยายามอธิบายสิ่งที่พ่อของเขาทำในอดีต และใช้ความสามารถพิเศษของคุรุ เรื่องราวจึงดำเนินไปข้างหน้าอย่างน่าสนใจพอๆ กับงานสืบสวนสอบสวน แน่นอนว่าเมื่อคน ๆ หนึ่งเลือกที่จะเล่าเรื่องความตาย
การพรากจากกัน กับดัก และความกังวล ก็สามารถเล่าเรื่องด้วยโทนมืด ๆ ได้ และแนวทางอื่นอาจเป็นสิ่งที่ดี แต่เมื่อคน ๆ หนึ่งเลือกที่จะอพยพไปสวรรค์ อวยพร เลือกเล่าเรื่องด้วยมุมสวยๆ ที่ทำให้ยิ้ม หัวเราะ และไม่ประหม่าจนเกินไป และสามารถสอนบทเรียนชีวิตจากมุมมองต่างๆ เช่น พ่อ แม่ ลูก เพื่อน ครู ชีวิตแต่งงาน และแม้แต่ความรักของชายหนุ่มและหญิงสาวที่กล้าเล่นกับรักร่วมเพศ
ทุกเรื่องราวไม่ว่าจะเริ่มต้นอย่างไรก็จบลงด้วยดี เมื่อคนเป็นเข้าใจความหมายของคำพูดสุดท้ายของคนตายและหยั่งรากลงในหัวใจของผู้ชม เพราะทุกเรื่องราวถูกบอกเล่าจากสามัญภายในสามัญ ที่อาจเกิดขึ้นกับใครก็ได้บนโลกใบนี้ อาจมีเรื่องราวบางอย่างที่ผู้ชมบางคนเคยสัมผัส และนำเสนอได้อย่างเข้าถึงใจเป็นธรรมดาของมนุษย์ที่เป็นบทเรียนชีวิตที่สำคัญไม่เครียด สิ่งที่ดีอีกอย่างคือความสัมพันธ์ดำเนินไปตามธรรมชาติโดยไม่รู้สึกกดดัน เพราะความธรรมดา การเปลี่ยนแปลงภายในจึงเป็นความเชื่อที่เต็มหัวใจ มันทำให้บทมันทำงานลงตัวในแต่ละอณู เพราะถึงบางคนจะยังไม่มีบทสรุป แต่ในแง่ของอนาคต บางทีการเล่าเรื่องการเคลื่อนไหวครั้งสุดท้ายของใครบางคนก็สามารถกลับมาเห็นได้อีกครั้ง
แนะนำนักแสดง
ฮันจองอู (จีจินฮี) ฮันจองอูเป็นพ่อของฮันกือรูและเป็นพี่ชายของโจซังกู โดยโจซังกูเป็นน้องชายคนละพ่อของเขา ฮันจองอูเป็นผู้ก่อตั้ง และได้สอนลูกชายของเขาเกี่ยวกับงานและการใช้วิถีชีวิตประจำวัน ฮันจองอูเป็นคนที่ดีมาก ในสมัยก่อนเขาทำหน้าที่เป็นพนักงานดับเพลิง ต่อมาภรรยาของเขาเป็นมะเร็งระยะสุดท้าย เขาเลยลาออกจากงานเพื่อมาอยู่กับภรรยาและลูก เมื่อภรรยาของเขาเสียชีวิตเขาเลยต้องเลี้ยงฮันกือรูเพียงลำพังและก่อตั้งกิจการ ขึ้นมา ซึ่งก็เป็นเหมือนชีวิตของฮันจองอูเขาทุ่มเทให้กับอาชีพนี้อย่างมาก เพราะเขาเข้าใจถึงความเป็นชีวิตและเขาก็สอนฮันกือรูเสมอว่าถึงแม้คนตายจะพูดไม่ได้แต่ทุกเรื่องราวและข้าวของสามารถบอกถึงเรื่องราวของผู้ตายได้
ดังนั้นทุกครั้งที่เก็บข้าวของคนตายฮันจองอูและฮันกือรูจะเก็บข้าวของสำคัญ เช่น บัญชีธนาคาร รูปภาพและข้าวของอื่น ๆ ที่มีความหมายต่อผู้ตายใส่กล่องสีเหลืองไว้เพื่อส่งมอบให้กับสมาชิกในครอบครัวของผู้ตาย จีจินฮีเป็นนักแสดงที่ได้รับบทบาทนี้ขอบอกเลยว่าถึงจะมาน้อยแต่ก็ 100% มาก เพราะบทบาทที่เขาได้รับสามารถสื่อให้เราเห็นถึงความรู้สึกที่ตัวละครต้องการสื่อออกมาได้ จีจินฮีเป็นนักแสดงเจ้าบทบาทที่ได้รับรางวัลมามากมายและแน่นอนว่าเรื่องนี้เขาไม่ทำให้เราผิดหวัง
โจซังกู (อีเจฮุน) โจซังกูเป็นอดีตนักโทษในข้อหาพยายามฆ่า เขาเป็นคนที่ประมาทมากและคิดแต่เรื่องเงินเท่านั้น เขาเป็นนักมวย MMA และหารายได้จากการต่อยมวยใต้ดินที่ผิดกฎหมาย หลังจากพ่อของฮันกือรูเสียชีวิตเขาก็กลายเป็นผู้ปกครองตามกฎหมายของฮันกือรู อดีตของโจซังกูนั้นมัวหมองมากเพราะเขามีปมในวัยเด็กเกี่ยวกับฮันจองอูซึ่งเป็นพี่ชายของตัวเอง เขาเกลียดและไม่อยากเจอหน้าฮันจองอู จนถึงวาระที่ฮันจองอูตายจากโลกนี้ไป อีกทั้งโจซังกูยังต้องดูแลคิมซูชอล (อีแจอุค) ที่นอนโคม่าอยู่ที่โรงพยาบาล ซึ่งคิมซูชอลก็เป็นลูกศิษย์ของเขา เขาเป็นคนสอนต่อยมวยให้กับคิมซูชอลเองและเขาก็เป็นอีกหนึ่งสาเหตุที่ทำให้คิมซูชอลต้องโคม่า
อีเจฮุนเป็นนักแสดงที่ได้รับบทบาทนี้ขอบอกเลยว่าเขาทุ่มเทให้กับการแสดงเป็นอย่างมาก โดยเรื่องนี้ได้ลงจอ Netflix พร้อม ๆ กับซีรีส์ Taxi Driver ที่เขาแสดงนำด้วย ในเรื่องนี้บทบาทโจซังกูเป็นคนที่สูบบุหรี่จัดมากแต่ในชีวิตจริงอีเจฮุนไม่สูบบุหรี่เลยทำให้เมื่อเขาถ่ายฉากสูบบุหรี่เสร็จเขาต้องเขารักษาตัวที่โรงพยาบาลทันที ถือว่าทุ่มทุนแสดงมาก ๆ สำหรับนักแสดงคนนี้
ฮันกือรู (ทังจุนซัง) ฮันกือรูเป็นเด็กชายอายุ 20 ปีที่อาศัยอยู่กับพ่อของเขา เขา เขามีภาวะเป็นแอสเพอร์เกอร์ (Asperger Syndromer) ซึ่งภาวะนี้เป็นภาวะที่บุคคลหนึ่งมีปัญหาในการทำความเข้าใจอารมณ์และปฏิสัมพันธ์ทางสังคม แต่คนที่มีภาวะนี้มักจะมีความจำดีกว่าคนทั่วไป ฮันกือรูทำงานที่ กับพ่อของเขาซึ่งเป็นงานทำความสะอาดสถานที่เกิดเหตุ เขาสามารถจดจำทุกสิ่งได้อย่างง่ายดายและคิดอย่างมีเหตุผลเสมอ
ฮันกือรูชอบปลามากและสามารถบอกรายละเอียดเกี่ยวกับปลาทั้งหมดในพิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำได้ ทุกครั้งที่ฮันกือรูใช้ความคิดทางเรื่องจะใช้ระบบ AI เข้ามาประกอบทำให้เราได้เห็นความสามารถและความคิดของฮันกือรูได้ ฮันกือรูเปรียบเสมือนโคนันเพราะเขาสามารถประมวลผลและปะติดปะต่อเรื่องราวทุกอย่างได้อย่างแม่นยำ ทังจุนซังเป็นนักแสดงที่ได้รับบทบาทนี้หลายคนอาจจะคุ้นเคยกับเขาจากบทบาทกึมอึนดงผู้เป็นสหายของผู้กองรีจองฮยอกในซีรีส์เรื่อง Crash Landing On You ค่ะ ขอบอกเลยว่าฝีมือการแสดงของเขาพัฒนาขึ้นมากในเรื่องนี้คุณจะได้เห็นความสามารถของเขาอย่างแท้จริงค่ะ
ยุนนามู (ฮงซึงฮี) ยุนนามูเป็นเพื่อนบ้านของฮันกือรูและพ่วงตำแหน่งเพื่อนสนิทของฮันกือรูด้วย เธอรู้จักฮันกือรูตั้งแต่เด็กและช่วยเขาทำงานที่ เมื่อใดก็ตามที่ฮันกือรูต้องการความช่วยเหลือเธอก็พร้อมทำเสมอด้วยความเต็มใจ ยุนนามูทำงานพาร์ทไทม์ที่พิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำและพบว่าฮันกือรูสามารถจดจำทุกรายละเอียดเกี่ยวกับปลาได้ทุกอย่างและทุกตัว เขารู้ว่าปลาบาดเจ็บตรงไหนและมีปัญหาอะไรบ้าง ขอบอกเลยว่าบทบาทของยุนนามูเปรียบเสมือนป้าข้างบ้านในอายุที่น้อยลง เพราะยุนนามูนั้นชอบติดตามทุกคนที่เข้ามาพัวพันกับฮันกือรู นั่นเป็นเพราะเธอห่วงใหญ่ฮันกือรูอย่างแท้จริงนั่นเอง ยุนนามูไม่ชอบขี้หน้าโจซังกูเท่าไหร่นักเพราะมองว่าเขาเป็นคนไม่ดีแต่สุดท้ายเธอก็ต้องเปิดใจให้กับเขาเพราะโจซังกูเองก็มีข้อดีอยู่บ้าง
การถ่ายทอดเรื่องราวที่เป็นเอกลักษณ์
แม้ว่า Move toHeaven Netflix พากย์ไทย จะเป็นละครที่มีแค่ 10 ตอน แต่บอกเลยว่า 10 ตอนนี้ก็ดีมากๆ น้ำตาลหยดทุกตอน เหลืออีก 10 ตอนใน 2 ซีรีส์เรื่องแรกสู่สวรรค์ ติดตามบริษัท ขณะที่พวกเขากำจัดข้าวของของชายหนุ่มที่เสียชีวิตจากอุบัติเหตุในที่ทำงาน อีกคนเป็นหญิงชราที่เป็นโรคสมองเสื่อม ด้วยความจำที่แม่นยำและความเฉลียวฉลาดของอาจารย์ฮัน เขาไม่เพียงแต่จัดการงานบ้านเท่านั้น แต่ยังวิเคราะห์กิจกรรมของผู้ล่วงลับระหว่างการเก็บเกี่ยวอีกด้วย การมีส่วนร่วมทางอารมณ์และสังคมของพวกเขากับบริษัท ช่วยวาดภาพสถานการณ์จริงที่อยู่เบื้องหลังการตายของชายผู้นี้ รวมถึงความปรารถนาที่กำลังจะตายของหญิงชรา บอกเลยน้ำตาแตกในสองตอนแรก
นอกจากนี้ซีรีส์ ยังสะกิดปัญหาของสังคมในประเทศเกาหลีด้วย เรื่องราวจะเน้นย้ำถึงความเจ็บป่วยที่เกิดขึ้นจริงในสังคมเกาหลีใต้ที่ทำงานมากเกินไปแต่มีรายได้ไม่เท่าเทียมกัน อีกทั้งยังนำเสนอเรื่องราวการตายขอผู้สูงอายุที่ไม่มีใครสนใจเพราะหวังแต่เอาสมบัติของผู้ล่วงลับเท่านั้นค่ะ ถึงแม้ว่าซีรีส์เรื่องนี้ จะเป็นเรื่องราวโศกนาฏกรรมที่บอกเล่าเรื่องราวของผู้ตายแต่ก็ยังสามารถสะท้อนสังคมที่จี้ใจดำคนดูได้เช่นเดียวกัน
การนำเสนอซีรี่ย์ Move to Heaven
Move to Heaven เกี่ยวกับ นำเสนอเรื่องราวที่ค่อนข้างสดใหม่ เนื่องจากไม่มีภาพยนตร์หรือซีรีส์เรื่องใดก่อนหน้านี้ที่พรรณนาถึงอาชีพในการเก็บกวาดสถานที่เกิดเหตุ และซีรีส์นี้ก็ไม่ได้นำเสนอหรือสื่อถึงข้อความของคนตาย ด้วย Family of the Dead ซีรีส์ 10 ตอนสามารถสัมผัสหัวใจของผู้ชมด้วยเรื่องราวอันน่าสะเทือนใจที่หลากหลาย ยิ่งไปกว่านั้น เรื่องราวการเสียชีวิตยังอิงกับประเด็นทางสังคมต่างๆ ที่มักเกิดขึ้นในเกาหลี เช่น ความอยุติธรรมของเด็กฝึก รักร่วมเพศ การสะกดรอยตาม การฆ่าตัวตายและการรับเลี้ยงบุตรบุญธรรม