สวัสดีค่ะ วันนี้เรามารีวิว หนังใหม่ เรื่อง 007 พยัคฆ์ร้ายฝ่าเวลามรณะ (ชื่ออังกฤษ : No Time to Die) เป็นภาพยนต์แนว แอ็กชั่น ผจญภัย และสายลับ ฉบับนำแสดงโดย แดเนียล เคร็ก หนังที่ไม่ควรพลาด หาดูได้แล้วแบบเต็มเรื่อง พากย์ไทย สามารถดูได้แล้วที่นี้ ดูหนังhd หรือถ้าใครอยากอ่านรีวิว Fast X เร็ว..แรงทะลุนรก 10 หนังชนโรงล่าสุดก็อ่านได้เลยค่ะ
เรื่องย่อ No Time to Die
เรื่องราวเริ่มต้นขึ้นหลังจากที่ เจมส์ บอนด์ ได้วางมือจากการเป็นนักสืบรับใช้ทางการมาแล้ว 5 ปี และไปใช้ชีวิตอย่างสงบอยู่ที่จาไมกา เขาก็เริ่มต้นใช้ชีวิตสงบสุขสุดแสนธรรมดาอย่างที่มนุษย์ทุกคนควรจะได้รับกับ ดร.เมเดอลีน [เลอา เซย์ดูซ์] คนรักของเขาอยู่ในจาเมกา แต่แล้วภารกิจที่มาพร้อมกับภาระหน้าที่อันยิ่งใหญ่ ก็ได้วนกลับมาพบเจอกับเขาอีกครั้งเมื่อ ฟีลิกซ์ ไลเทอร์ [เจฟฟรีย์ ไรท์] เพื่อนเก่าจากซีไอเอปรากฏตัวขึ้น และได้ขอให้เขากลับคืนสู่วงการ ออกไล่ล่าตัววายร้าย เพื่อช่วยเหลือนักวิทยาศาสตร์ชาวรัสเซียที่ถูกลักพาตัวไป
แต่เมื่อ บอนด์ ตัดสินใจทำภารกิจ เขาก็ได้พบเข้ากับเบาะแสส่วนประกอบทีละชิ้น ไปจนถึงอาวุธสังหารที่ขับเคลื่อนด้วยเทคโนโลยีสุดล้ำ ซึ่งมีพลานุภาพรุนแรงเกินกว่าใครจะจินตนาการถึง เพราะมันสามารถทำลายล้างโลกได้ง่ายๆ เพียงพริบตาเดียวภารกิจที่ บอนด์ต้องทำก็คือช่วยเหลือนักวิทยาศาสตร์ที่ถูกลักพาตัวไป แต่กลายเป็นว่าเป็นภารกิจเต็มไปด้วยเล่ห์กล และ ความลับ ความผิดปกติหลายอย่าง มากกว่าที่คาดไว้มาก และนั่นทำให้เขาต้องเข้าไปพัวพันกับกลุ่มวายร้าย ทำให้บอนด์ต้องไล่ล่าตัวร้ายลึกลับซึ่งติดอาวุธกับเทคโนโลยีใหม่ที่สุดจะอันตราย
ภาพรวมของเรื่อง 007 พยัคฆ์ร้ายฝ่าเวลามรณะ
ภาพรวมของภาพยนตร์เรื่อง no time to die เต็มเรื่อง hd นี้เรียกได้ว่าใช้ทุนสร้างมากกว่า 250 ล้านเหรียญสหรัฐ จนทำให้ภาพยนตร์เรื่องนี้ติดอันดับ 20 ภาพยนตร์ที่แพงที่สุดในประวัติศาสตร์ฮอลลีวูด. มันเหมือนกับว่าอยากจบเพื่อคุณ เหมือนจัดทุกอย่างให้มีทุกอย่างที่หนังเจมส์ บอนด์เคยมีมา ท่องเที่ยวไปในหลายประเทศที่เต็มไปด้วยสถานที่สวยงามที่ยากจะลืมเลือนสำหรับการถ่ายภาพ โมเดลทั้งสองถ่ายทำในพื้นที่จริง และสร้างฉากใหม่ เช่น ฐานผู้ร้าย ที่ดูน่ากลัว และลึกลับ ใครที่กังวลว่าหนังความยาวเกือบ 3 ชั่วโมงเรื่องนี้จะทำให้คุณหลับไป ไม่ต้องกลัว ฉากแอคชั่นมีให้ดูต่อเนื่องตลอดทั้งเรื่อง และการออกแบบฉากแต่ละฉากก็ดูน่าตื่นตาและน่าจดจำ มีอุปกรณ์ไฮเทคต่าง ๆ ไม่ขาดแคลน ซึ่งสามารถมองเห็นและใช้งานได้ทันที ไม่เว่อร์เกินไป เสื้อผ้า หน้าตา การออกแบบทรงผมทำให้ตัวละครทุกตัวน่าจดจำ มันเข้ากับบุคลิกได้ดีมาก ที่โดดเด่นที่สุดคือชุดของบอนด์ ไม่ว่าเขาจะใส่เสื้อผ้าแบบไหน เขาก็เท่/คม/เข้ม/เหมือนบอนด์เวอร์ชั่นนี้เสมอ
และต้องยอมรับว่าหนังเล่นใหญ่มากด้วยพล็อตเรื่องที่ว่า บอนด์ มีลูกพร้อมกับการสละชีวิตตัวเองแล้วกลายเป็นตำนานเล่าขาน ฟังดูแล้วมันดูเป็นบทสรุปที่ดีในการรับบท บอนด์ มาอย่างยาวนานถึง 15 ปีของ แดเนียล เคร็ก ซึ่งมันควรจะเป็นหนัง ที่ดีที่สุดของตระกูลซึ่งทุกคนคงจะคิดแบบนี้ เพราะหนังมันพาเรามาทางนี้มาพร้อมกับดราม่าดีๆ การส่งอารมณ์ที่ดีเยี่ยมเรียกน้ำตาได้อีก สรุปแล้วถือว่าเป็นงานเลี้ยงส่งท้าย แดเนียล เคร็ก ผู้ที่ประสบความสำเร็จในการทำให้หนังสายลับนี้ ให้มีโมเดิร์นขึ้นมามีมิติมีความหลากหลายและมีชีวิตมากขึ้น
องค์ประกอบที่ทำให้ No Time to Die โดดเด่นประทับใจ
ต้องขอบคุณ Q (เบน วิชอว์) อัจฉริยะ พลาธิการเนิร์ดที่ให้นาฬิกาเวลาเล่นเกมแก่บอนด์ ภาพยนตร์เรื่องนี้ยังเต็มไปด้วยอุปกรณ์ไฮเทค รถยนต์ Aston Martin DB5 สองคันที่ติดตั้งอาวุธสุดว้าวเป็นสิ่งที่ขาดไม่ได้สำหรับเครื่องบินไฮเทค
ในส่วนนี้เขาได้ฟื้นฟูตัวละครสำคัญทั้งหมด นอกจากที่กล่าวมาแล้ว มันนี่เพนนี (นาโอมี แฮร์ริส) เฟลิกซ์ ไลเทอร์ (เจฟฟรีย์ ไรท์) ก็มีส่วนสำคัญเมื่อเขาชวนเขาไปทำภารกิจลับเพื่อช่วยวัลโด (เดวิด เดนซิค) นักวิทยาศาสตร์ที่ถูกลักพาตัว จากนั้นแทนเนอร์ (รอรี่ คินเนียร์), โบลเฟลด์ (คริสตอฟ วอลซ์)
ในภาคนี้มีสาวงามสองคนที่สร้างความประทับใจให้กับคุณแพท คนหนึ่งคือ Madeleine (Léa Seydoux) หญิงสาวที่หลงรักบอนด์อย่างหมดหัวใจ แต่ในขณะเดียวกัน เขาก็ซ่อนความลับไว้และไม่ยอมเปิดเผย เธอเป็นคนที่แสดงอารมณ์ทางสายตาได้ดี น้ำตาแทบสลายกับอีกคู่หูคนสวยของบอนด์ Paloma สายลับใหม่จากคิวบา (Ana de Armas จาก Knives Out และ Blade Runner 2049) ต่อสู้อย่างเอาเป็นเอาตาย
มีอะไรมากกว่านั้นรวมถึงดาราของ 007 เวอร์ชันใหม่นี้ นอกจากนี้ยังเป็นการร่วมมือระหว่างทวยเทพ ไม่ว่าจะเป็นดนตรีของ Hans Zimmer หรือการถ่ายทำภาพยนตร์ของ Linus Sandgren เขามอบสิ่งที่ดีที่สุดให้กับ La La Land ที่ได้รับรางวัลออสการ์ ตลอดการดูหนังจะมีเสียง “โอ้.. ว้าว” อยู่ในหัวหลายครั้ง งานเขาสวยจริงๆ
สิ่งหนึ่งที่น่าสนใจเกี่ยวกับ no time to die สปอย ในภาคนี้คือ แม้ว่าครึ่งหลังจะเต็มไปด้วยเรื่องราว แต่ก็แทบไม่ได้สลับกับฉากแอ็คชั่นบ้าๆ ต่อด้วยฉากแอ็คชั่นมากมายที่ดูสมจริงตามสไตล์ผู้กำกับ Cary Joji Fukunaga ฉากที่น่าประทับใจ
ใครที่เคยดูบอนด์เรื่องนี้ต้องเคยเห็นหัวใจของสายลับที่รับบทโดยเครก การทำให้เขาเป็นบอนด์ที่ไม่เหมือนใครและทำให้ผู้ชมตกหลุมรักโดยการสนับสนุนเขาจนจบ มันอาจจะไม่ได้สมบูรณ์แบบเหมือนบางคนก่อนหน้านี้ มันสามารถทำสิ่งที่ยิ่งใหญ่มากมาย โดยรวมแล้วยังไม่อยู่ในระดับที่ถือว่าดีที่สุดในอุตสาหกรรม แต่คงเป็นไปไม่ได้ที่จะปฏิเสธคำอุทธรณ์
จุดอ่อนของหนัง
จุดบอดที่กล่าวมาหลักๆ มันไม่ใช่ประเด็นสำคัญในโครงเรื่อง เกี่ยวอะไรกับชีวิตบอนด์ แต่ความพิเศษที่เกิดขึ้นประปรายทำให้ภาพยนตร์เรื่องนี้ดูไม่สมจริง ไม่น่าเชื่อว่าจุดบอดแรกจะถูกถ่ายทำโดยตรงในฉากแอ็คชั่นทั้งหมด สิ่งนี้ทำให้ฉันไม่มีความสุขมาก เพราะหลายๆฉากในเรื่องนี้ บอนด์ มักจะโดนถล่มจากทุกทิศทุกทาง แต่เขายังคงยืนอยู่ในที่โล่ง โพสท่าเท่ๆ แล้วยิงกลับอย่างใจเย็น และรอดจากผู้ร้ายได้ทุกฉากทุกฉาก จนผมสงสัยว่า ห้อยพระอะไรครับ ฉันคิดว่ามันเกินความจำเป็น
อีกส่วนที่ทำให้หนังไม่ประทับใจเลยคือ “ตัวร้ายของเรื่อง” อาจเป็นเพราะผมคาดหวังไว้สูง เพราะคนที่เล่นเป็นตัวร้ายอย่าง Safin ก็เป็นถึงเจ้าของรางวัลออสการ์อย่าง “Rami Malek” แต่เรื่องราวก็เหมือนการฆ่าคนด้วยฝีมือของเขาในซีรีส์ ไม่เหมือน “Krystal W. W. LT” ของ Spector ก็ไม่ต่างกัน ยิ่งไปกว่านั้น หนังไม่ได้พยายามทำให้ Safin เป็นสุดยอดวายร้ายสำหรับคนทั่วไป คอยบงการทุกอย่างตั้งแต่ Casino Royale ไปจนถึง overkill อย่าง Spector ซาฟินเป็นเพียงตัวร้ายในสาขานี้จริงๆ เขาเป็นเหมือนเด็กที่อดกลั้น เต็มไปด้วยความขุ่นเคือง ครอบครัวโดนพ่อนางเอกฆ่าตายหมด จากกลุ่มสเปคเตอร์จนถึงจุดเริ่มต้นตอนที่เขาต้องการแก้แค้นนางเอก
แต่มันค่อนข้างแย่เมื่อหนังเล่าเรื่องของมันไปเรื่อย ๆ และกลายเป็นว่าแรงจูงใจในการสังหารของ Safin นั้นยากจะเข้าใจมากขึ้น มันกลายเป็นพ่อค้าอาวุธที่ต้องการสร้างความหายนะให้กับโลกด้วยการแก้แค้นอย่างกะทันหัน หลังจากนั้น ไม่ว่า Safin พยายามจะอธิบายแผนอะไรให้ฉันฟัง ฉันก็ไม่เข้าใจ ยิ่งฉันเปรียบเทียบตัวเองกับบอร์น โดยคิดว่าพวกเขาฆ่าคนเพื่อทำให้โลกนี้น่าอยู่ขึ้น ฉันยิ่งไม่เข้าใจ ฉันไม่เข้าใจว่าการขายอาวุธให้กับลูกค้าที่จ่ายเงินสูงสุดจะทำให้โลกนี้น่าอยู่ขึ้นได้อย่างไร ตัวเป้าหมายเองก็ไม่รู้ว่าจะฆ่ายังไงให้มีประโยชน์ต่อโลก นอกจากนี้ยังมีตัวละคร Safin อีกหลายตัว เพราะหนังใช้เวลาชี้แจงความสัมพันธ์ของบอนด์กับแมดเดลีนให้ชัดเจน และสิ่งที่ตามมาก็คือการได้เห็นลูกน้องของ Safin วิ่งไปรอบๆ ด้วยใบหน้าที่มากกว่าหัวหน้า นั่นเป็นสาเหตุที่หน่วยความจำของ Safin เหลือน้อย
ส่วนที่น่าสนใจและโดดเด่น
ที่โดดเด่นที่สุดคือความเชื่อมโยงของอาวุธร้ายแรงชนิดใหม่กับสถานการณ์โลกในปัจจุบัน ทั้งสองสิ่งที่แนะนำไวรัสให้ฆ่าถูกระบุโดยการใส่รหัสพันธุกรรมที่ต้องการสร้างแนวคิดของการฆ่าโดยไม่ชักนำใครให้หลงทาง และทั้งคู่ก็ฆ่าอย่างรวดเร็ว การใช้คนเป็นพาหะ เพื่อป้องกันการเสียชีวิตของผู้ติดเชื้อ แต่ไม่สามารถใกล้ชิดกับสมาชิกในครอบครัวที่มียีน DNA (เครือญาติ) คล้ายกันได้ เนื่องจากไวรัสแพร่กระจายผ่านการสัมผัสทางร่างกาย แทบไม่ต่างจากโควิด 19 ที่แรงกว่า 19 การจำลองยีนของสายลับที่ผ่านรหัส 007
ขอชื่นชมผู้เขียนบทและผู้กำกับที่กล้าแสดงชะตากรรมของเจมส์ บอนด์ในแบบที่น่าเศร้าที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ โดยไม่มีดราม่าใดๆ เพิ่มความเร้าใจให้กับหนังเป็นอย่างมาก พบกับบทสรุปที่แฟนๆหลายคนคาดไม่ถึง
โปรดัคชั่น และสรุปโดยรวม 007 พยัคฆ์ร้ายฝ่าเวลามรณะ
โปรดัคชั่นโดยภาพรวมสำหรับเรื่องนี้เรียกได้ว่ายิ่งใหญ่อลังการสมกับเป็นภาคสุดท้ายของเคร็กครับ สมกับทุนสร้าง 250 ล้านเหรียญสหรัฐ จนทำให้หนังติดอยู่ใน 20 อันดับหนังที่แพงที่สุดในประวัติศาสตร์ฮอลลีวูดไปแล้ว เหมือนอยากปิดจบให้แกแบบจัดทุกอย่างให้ มีทุกอย่างที่หนังบอนด์เคยมีมา เดินทางไปถ่ายทำในหลายประเทศ เต็มไปด้วยสถานที่อันสวยงามน่าจดจำ มีทั้งแบบถ่ายทำในพื้นที่จริงเลย และสร้างฉากขึ้นมาใหม่อย่างฐานทัพของตัวร้ายที่ดูลึกลับ แปลกตา แต่ก็ยังไม่พ้นฐานทัพเก่าสมัยสงครามโลก
มีฉากแอคชั่นการถ่ายทำขนาดใหญ่ในตัวเมืองและภายในอาคาร ระเบิดติดกันกี่ลูก? โดรนในเรื่องน่าจะคร่าชีวิตผู้คนไปแล้วเกือบร้อยคน ใครกังวลกับการดูหนังเกือบสามชั่วโมงที่ทำให้คุณหลับ? อย่ากลัว. ฉากแอคชั่นดำเนินไปตลอดทั้งเรื่อง และทุกฉากได้รับการออกแบบมาให้มีส่วนร่วมและน่าจดจำ มีอุปกรณ์ไฮเทคต่าง ๆ ไม่ขาดแคลน ซึ่งสามารถมองเห็นและใช้งานได้ทันที จนกระทั่ง Beyond Numbers เสื้อผ้า ใบหน้า และทรงผมได้รับการออกแบบมาเพื่อให้ตัวละครแต่ละตัวน่าจดจำ เข้ากับบุคลิกและที่โดดเด่นที่สุดคือชุดของบอนด์ที่ไม่ว่าจะสวมชุดไหนก็เท่ เฉี่ยว คมกริบ ตามแบบฉบับของบอนด์เวอร์ชั่นนี้เสมอ
สรุปแล้ว “no time to die ถูกลิขสิทธิ์” คือบทสุดท้ายของสายลับอังกฤษ Daniel Craig ฉบับสมบูรณ์ในภาพรวม ไม่ประทับใจเพราะมีบางจุดติด แต่ก็จบลงอย่างสวยงามและลึกซึ้ง ด้วยเรื่องราวที่เคลียร์ทุกอย่างของ Casino Royale ฝ่ายวายร้ายของแผนกนั้นธรรมดา แย่ และไม่น่าประทับใจ แต่ไม่ใช่วายร้ายตัวร้ายที่สุดของเครก ฉากแอคชั่นดำเนินไปเรื่อยๆ ตลอดทั้งเรื่อง บ้างก็จบ บ้างก็บ้า บ้างก็เป็นแรมโบ้ จนกระทั่งเขารู้สึกว่าบอร์นควรจะตายในตอนต้นของเรื่อง การผลิตทั้งหมดยังคงยอดเยี่ยมในฐานะแฟรนไชส์ เนื่องจากฉากแอ็คชั่นทุกที่เป็นหลัก นอกจากนี้ สถานที่ถ่ายทำของภาพยนตร์เรื่องนี้ทั่วโลกก็มีรายละเอียดครบถ้วนเช่นกัน มีทั้งวิวธรรมชาติในเมืองที่สวยงาม และฉากที่ดูอลังการเหล่านั้น…ใครเป็นแฟนของแดเนียล เคร็กจาก 007 บ้าง? ฉันชอบหนังแอคชั่น และชอบทุกช็อตที่จะถ่ายทำ เข้าโรงหนังไปดูกันเลย!