การพลิกบทบาทในซีรีส์วายโรแมนติก สำหรับคู่นักแสดง ซี พฤกษ์ และ นุนิว ชวรินทร์ ผลงานภาพยนตร์ที่แฟนคลับรอคอยที่มีชื่อเรื่องว่า รีวิวหนัง ดับแสงรวี สำหรับหนังเรื่องนี้บอกเลยว่าไม่ควรพลาดอย่างยิ่ง จากนิยายที่คนอ่านเป็นล้านคน สู่หนังไทยที่กำลังจะฉายในภาพยนตร์เร็วๆนี้นั้น
เรื่องราวโรแมนติกปนสยองขวัญที่ทำให้คุณตั้งตัวไม่ติดแต่ส่วนใหญ่จะดี พลิกหนังเรื่องแรกของคู่พระนางที่ฮอตที่สุดของปีนี้ ซี พฤกษ์ รับบท “พระเพลิง” และ นู๋นิว ชวรินทร์ รับบท “แสงระวี” เรื่องราวในภาพยนตร์จะเป็นอย่างไร? จะสนุกและฮาขนาดไหนมาเริ่มอ่านรีวิวกันเลย ! ช่องทางการรับชม ดูหนังออนไลน์ 4k
ภาพยนตร์วาย หลอนกลางคืน จิ้นกลางวันของ ซี-นุนิว
โดยดับแสงรวี After Sundown หนังที่สร้างมาจากนวนิยาย “ดับแสงรวี” นวนิยายวายโรแมนติกสยองขวัญที่ครองใจผู้อ่านมาแล้วอย่างล้นหลาม ซึ่งได้ถูกนำมาสร้างเป็นหนังพีเรียดที่ฉายในโรงภาพยนตร์ทั้งไทย และต่างประเทศ
ภาพยนตร์เรื่อง ดับแสงรวี กำหนดฉายวันที่ 20 กรกฎาคม ในโรงภาพยนตร์เมเจอร์ ซีนีเพล็กซ์ เป็นหนังพีเรียดโรแมนติกสยองขวัญเรื่องแรกของคู่นักแสดงสุดฮอต ซี พฤกษ์ พานิช – นุนิว ชวรินทร์ เพริศพิริยะวงศ์ และนักแสดงสาวฝีมือดีอย่าง ทับทิม – อัญรินทร์ ธีราธนันพัฒน์
รวมถึงคู่เพื่อนรักอย่างริท – เรืองฤทธิ์ ศิริพานิช ประกบคู่กับ กัน – นภัทร อินทร์ใจเอื้อ ในบทบาทคู่รักเพศเดียวกัน เรียกว่าเป็นพลิกการแสดงครั้งแรกของทั้งคู่
รีวิวหนัง ดับแสงรวี (After Sundown) เรื่องย่อ
ดับแสงรวี เรื่องย่อ พ.ศ. 2504 “แสงระวี” อาศัยอยู่กับหลวงลุงที่วัดในจังหวัดอยุธยา เมื่ออายุได้ 21 ปี เขาถูกส่งไปหาเพื่อนที่พระนครให้อาศัยอยู่ที่คฤหาสน์สิทธิกรการ ซึ่งเป็นบ้านของ “พระเพลิง” ชินเซที่อยู่ต่างประเทศจนครบครอบครัวเตือนพ่อแม่ว่าพระเพลิงกำลังจะย่างเข้าสู่วัยห้าขวบ
จะมีโชคร้ายและถ้าคุณไม่เชื่อมโยงโชคกับโชคชะตาภายในไม่กี่วัน คุณจะมีปัญหาที่คุกคามชีวิต ในบรรดาคนในดวงชะตานั้นต้องไม่ใช่ผู้หญิงไม่ได้เกิดในจังหวัดพระนคร อายุครบ 1 ขวบ
จึงจะสามารถเชื่อมดวงชะตากันได้ ดวงชะตาคือ คนที่เกี่ยวโยงกับคนทั้งสองและถ้าเป็น ปลอดภัยก็สามารถอยู่ร่วมกันได้ หากพวกเขาตกอยู่ในอันตราย ทั้งคู่ก็ตกอยู่ในอันตราย
การย้ายมาที่คฤหาสน์แห่งนี้ทำให้ชีวิตของแสงระวีเปลี่ยนไปมาก เขารู้สึกถึงพลังงานลึกลับและฝันร้ายที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน แสงระวีถูกวิญญาณผู้หญิงตามหลอกหลอน เด็กหนุ่มรู้สึกถึงความรู้สึกอยากแก้แค้น หากต้องห่างชะตามักถูกซุ่มโจมตี ทั้งสองต้องอยู่ใกล้กันเพื่อรักษาชีวิตของกันและกัน
อย่างไรก็ตามความสัมพันธ์ที่ใกล้ชิดได้ค่อยๆเปลี่ยนความสัมพันธ์ระหว่างคนทั้งสองที่ไม่ชอบหน้ากัน มาดูเรื่องราวในอดีตและทำความเข้าใจปมแห่งความแค้นในอดีตที่แสงระวีถูกกรรณิการ์ครอบงำเพื่อหมายจะฆ่าเธอ พระเพลิงเป็นห่วงแสงระวีมากและพยายามช่วยคนรักทุกวิถีทาง
รีวิวหนัง ดับแสงรวี การดำเนินเรื่อง
รีวิวหนังชนโรง ฉากหลังของภาพยนตร์เรื่องนี้เกิดขึ้นในปี พ.ศ. 2504 ฉากและสถานที่ล้วนเป็นอาคารไทยในสมัยก่อน บวกกับองค์ประกอบที่สมจริง
เข้ากับจังหวะในเรื่องที่ชูระนาดให้ดูยิ่งทำให้ดูหลอนมากขึ้นไปอีกทั้งความพอดีของเครื่องแต่งกายของตัวละครแต่ละตัวเมื่อพยายามเล่าย้อนไปถึงต้นตอของความแค้น ดับแสงรวีเต็มเรื่อง
เพราะนอกจากจะเข้ากับยุคสมัยแล้วยังเป็นโทนสีที่คุณรู้ว่ากำลังจะเลือกอีกด้วย สีสันเสื้อผ้าของแต่ละคนไม่โดดจากสีของหนัง ดูมีเอกลักษณ์ เดาได้ทันทีว่าเป็นใคร (แน่นอนว่าผีมีชุดเดียว ขาวล้วน ซึ่งปกติหนังผีเรื่องอื่นๆ)
นอกจากองค์ประกอบที่ทำให้ภาพยนตร์เรื่องนี้เป็นอีกเรื่องที่ผู้เขียนเชื่อว่าจะจับใจใครหลายๆ คนแล้ว สิ่งที่เติมเต็มเรื่องราวและควรค่าแก่การกล่าวถึงอย่างแน่นอนคือเพลงประกอบภาพยนตร์สองเพลงที่ร้องโดยนักแสดงนำ
ทั้งเพลงจันทร์ของซี-หนูนิวและเพลงแสงระวีของแสงระวีช่วยเสริมการแสดง และทำให้ผู้ชมดื่มด่ำไปกับการเล่าเรื่องโดยไม่รู้สึกติดอยู่ในเรื่องราว
ฉากที่ชอบและต้องขอชื่นชมในการแสดง
การแสดงในเรื่องนี้ต้องบอกเลยว่า ดับแสงรวี นักแสดงนำ ซี พฤกษ์ และนุนิว ชวรินทร์ ไม่ทำให้ทุกคนผิดหวังอีกเช่นเคย บทบาทการแสดงของทั้งสองสมบูรณ์แบบ หากคุณคิดว่าคุณไม่ได้ดู พระเพลิง และ แสงระวี โอกาสที่คุณกำลังดู ทะเลเพลิง และ หนึ่ง นิว ชวรินทร์ ในชีวิตจริง
เรื่องราวในหนังหวานละมุนละไมมาก สร้างโดยผู้กำกับมากฝีมืออย่าง “อ๊อด บัณฑิต” ทำให้ตัวละครและฉากต่างๆ โดยเฉพาะฉาก ฝีปาก ที่แสดงโดย “ทับทิม อัญรินทร์” แสดงความรู้สึกทั้งแค้น เคือง และเสียน้ำตาคลอเคล้าเสียงเพลงไทย และภาพก็ดำมืดน่ากลัวมาก นั่งดูไปอาจจะช็อคได้
ฉากหวานก็หวานจนใครเห็นก็เชื่อว่าหัวใจจะเต้นแรงตามแสงเพลิงและราวี และยังมีนักแสดงอื่นๆ อีกมากมาย ฉากส่วนใหญ่ในเรื่องคือเรือนพระเพลิง ภาพดี วิวสวย โทนสีหลากหลาย อบอุ่นมาก เสื้อผ้าหน้าผมเข้ากันหมด เข้ากับยุคสมัยของเรื่อง บอกได้คำเดียวว่าองค์ประกอบของเรื่องดีมาก
ตัวละครนับล้าน ความยาวหนัง 1 ชั่วโมง 53 นาที ถือว่าน้อยเกินไปสำหรับหนังเรื่องนี้แน่นอน ผู้เขียนอ่านแล้วจะเห็นได้ว่าคะแนนเต็ม 10 คะแนน ไม่มีการหักคะแนนแต่อย่างใด
แต่ในด้านโปรดักชั่น สถานที่ถ่ายทำ ดีมาก ให้ความรู้สึกเหมือนย้อนวันวานให้กับคนดู ใช้มุมกล้องหลายชั้นเพื่ออารมณ์มากกว่าสายตาของตัวละคร การเปลี่ยนฉากอาจค่อนข้างช้าในฉากนี้ ให้ความรู้สึกที่ดียิ่งขึ้นในการดูตัวละคร
ยังมีเดดแอร์อยู่บ้างก่อนที่จะตัดไปยังฉากต่อไป แต่ตั้งแต่วินาทีที่เราดู อารมณ์ที่เรารู้สึกทุกครั้งจะคลอไปกับเพลงประกอบ เอฟเฟ็กต์เสียง เช่น เสียงไวโอลิน ฟ้าร้อง ฟ้าแลบ และภาพผี จะถูกจัดเรียงเป็นสัดส่วนที่กลมกลืนมาก
เพลงประกอบภาพยนตร์
ภาพยนตร์เรื่องนี้ไม่ได้มีดีเฉพาะเนื้อเรื่อง แต่เพลงประกอบภาพยนตร์โครตดีสุดๆ เต็ม 10 ไม่หัก เพลงประกอบภาพยนตร์ ” แสงรวี (Destiny)”กระแสแรงยอดวิว 1,000,000 วิว ขับร้องโดย ซี พฤกษ์ และนุนิว ชวรินทร์ จากค่าย DMD MUSIC โชว์เสียงร้องเพลงหวานๆ ตราตรึงใจ ที่ใครๆได้ฟัง แล้วต้องเปิดฟังซ้ำๆ ต่อไปเรื่อยๆ
ซึ่งเพลงนี้ถูกปล่อยออกมาก่อนภาพยนตร์เข้าฉายในโรงภาพยนต์ ทำให้บรรดาแฟนคลับทั้งหลายได้ฟิน และเฝ้ารอการชมภาพยนตร์ ดับแสงรวี (After Sundown) ในเร็ววันนี้ การันตีขนาดนี้ไม่ดูไม่ได้แล้ว
ดับแสงรวี เพลงประกอบภาพยนต์ “ดวงจันทร์” เพลงประกอบภาพยนตร์อีกเพลง “ดวงจันทร์” ที่ต้องบอกว่าเพลงนี้หว๊านหวาน ขับร้องโดยนักร้องเสียงนุ่มละมุน “กัน นภัทร” ปล่อยออกมาก็ยิ่งชวนให้ต้องไปชมภาพยนตร์เรื่องนี้มากขึ้นไปอีก เนื้อเพลงเกี่ยวกับการแอบรักใครคนหนึ่ง
เปรียบเสมือนดวงอาทิตย์ที่เป็นรักแท้ เป็นสิ่งที่ไม่จางหายใจ ผู้คนมองเห็นได้ชัดเจน ซึ่งแตกต่างกับดวงจันทร์ที่ต้องหายไปในช่วงเวลากลางวัน ถึงอย่างไรก็ไม่ใช่คนที่สำคัญอยู่ดี
รีวิวหนัง ดับแสงรวี (After Sundown) บทสรุป
ดับแสงรวี บทสรุป ถือเป็นหนึ่งหนังไทยที่แฟน ๆ ของ ซี – นุนิว ไม่ควรพลาด! เพราะการแสดงถือว่ามีความท้าทาย และเนื้อหามีความแปลกใหม่มากยิ่งขึ้นในการเล่าเรื่องราวการผูกดวงชะตา
นอกจากความน่ารักใจฟูของพวกเขาแล้ว ปมของวิญญาณกัญณิกา การเติมอารมณ์ความรัก ความโกรธของทับทิมก็เป็นสิ่งที่ชูกราฟของเรื่อได้เป็นอย่างดี งานภาพ ฉากโทนสีมีมูดแอนด์โทนเดียวกันตลอดทั้งเรื่องซึ่งคุมโทนได้ดีมาก
ประกอบกับเสียงดนตรีที่จัดวางได้อย่างเหมาะสม เพลิดเพลินไปด้วยหลากหลายจังหวะอารมณ์อย่างกลมกล่อม
ยังไงเพื่อน ๆ อย่าลืมไปร่วมชมภาพยนตร์เรื่อง ดับแสงระวี (After Sunset) ที่จะเข้าฉายในโรงภาพยนตร์ทุกโรงในวันที่ 20 กรกฎาคมนี้กันเลยนะคะ
ความรู้สึกหลังรับชม
เป็นหนังที่ยังอยู่ในกับดักของละครไทย ไม่ว่าจะเป็นวิธีการเล่าเรื่อง ตัวละคร ปมและความขัดแย้ง บทสรุป หรือการออกแบบเทคนิคต่างๆ ผู้ชมเดาทิศทางได้ง่ายทั้งหมด ดังนั้นแม้ภาพรวมจะรวบรัดแต่ก็ยังหลุดจากกรอบเดิมๆ ไม่ได้ การนำเสนอเรื่องนี้ในรูปแบบละครหรือซีรีส์ดูเหมาะสมกว่าแต่กลับเสียเปรียบมากกว่า
ส่วนตัวรู้สึกว่าการลำดับภาพหรือสลับฉากไม่ค่อยสมูท มีแอบตัดฉับ ให้ความรู้สึกเหมือนดูละครมากกว่า สำหรับฉากวิญญาณเล่นดี แต่งเอฟเฟกต์ได้ดี ดูหลอน น่ากลัว แต่ฉากที่ควรจะหลอนแบบเนียนๆ กลับใช้เสียงประกอบที่ทำให้รู้ทันทีว่ากำลังจะมีวิญญาณออกมา ก็เลยไม่ค่อยลุ้นเท่าไหร่
แต่สำหรับภาพหรือฉากที่ประทับใจ ขอยกให้ฉากสุดท้ายบนเรือที่ภาพสวยมาก มีความหวานละมุน และชวนฟินสุดๆ ส่วนภาพรวมอยากให้ 7/10 คะแนนรายบุคคลและให้คะแนนนักแสดงนำ เพราะมีหลายฉากให้เราได้เห็นการแสดงของ ซี นูนิว ที่คู่อื่นๆ ไม่ได้เห็น แต่ขอหักคะแนนมุมโปรดักชั่นที่อาจมีเวลาถ่ายทำจำกัด
และเวลาที่เล่าเรื่องก็ทำให้โครงเรื่องที่ควรจะถูกบดขยี้ยิ่งไม่จบ เราแอบคิดว่ามันจะช่วยได้มากกว่านี้ถ้าหนังเรื่อง ดับแสงรวี ฉายเป็นซีรีย์คงจะยาวและละเอียดกว่านี้ค่ะ
สุดท้ายเรามีรีวิวหนังที่อยากจะมาแนะนำเพื่อนๆทุกคน นั่นก็คือเรื่อง นะหน้าทอง (Black Magic Mask) เรื่องราวของโสเภณีที่มีชีวิตรันทด เธอได้รับคำแนะนำให้ไปลงคุณไสย ติดตามอ่านได้ที่นี่เลยค่ะ