สวัสดีค่ะและในวันนี้เราจะมา รีวิวหนัง One for the Road เป็นภาพยนตร์ไทยแนว Road Trip ดราม่าเข้มข้น ที่ผสมผสานความอินเตอร์และประสบความสำเร็จด้วยดีตามเทศกาลหนังต่างประเทศ และกลายเป็นอีกหนึ่งผลงานมาสเตอร์พีช โดยเนื้อเรื่องจะกล่าวถึงชายหนุ่มที่กำลังจะตายจึงตัดสินใจออกเดินทางไปบอกลาแฟนเก่า ซึ่งเป็นหนังที่รวมทั้งการเดินทางเพื่อขอบคุณและขอโทษแฟนเก่า รวมเพลย์ลิสต์เพลงเพราะกระแทกใจ รวมเมนูค็อกเทลที่อิงกับความทรงจำ นอกจากนักแสดงแต่ละคนจะเล่นกันดีแล้ว งานถ่ายทำ เพลงและดนตรีประกอบก็ดีมาก
หนังบอกเล่าถึงชีวิตในหลายมุมมอง และไม่ได้มุ่งเน้นแต่เรื่องความสัมพันธ์ระหว่างแฟน แต่ยังใส่ใจในความสัมพันธ์ระหว่างเพื่อนด้วย มีเนื้อหาที่หนักหน่วงและไปสุดมาก ส่วนเรื่องราวต่อจากนี้จะเป็นอย่างไร ติดตามต่อได้ที่รีวิวข้างล่างนี้ได้เลยค่ะ
รีวิวหนัง One for the Road วันสุดท้าย..ก่อนบายเธอ เรื่องย่อ
รีวิวหนังชนโรง หนัง One for the Road วันสุดท้าย..ก่อนบายเธอ เป็นเรื่องราวของ บอส หนุ่มนักธุรกิจที่ย้ายภูมิลำเนาจากบ้านเกิด มาเปิดกิจการบาร์ในมหานครนิวยอร์ก เขาได้ตัดสินใจเดินทางกลับไปยังเมืองไทยอีกครั้ง เพื่อพบกับ อู๊ด เพื่อนที่สนิทกันตั้งแต่สมัยเรียน นับว่าเป็นการพบเจอกันอีกครั้งในรอบหลายปีที่ห่างเหินกันมานาน พวกเขาร่วมกันออกเดินทางไปทั่วประเทศ เพื่อนึกย้อนและระลึกถึงความทรงจำที่ผ่านมา เนื่องจากอู๊ดกำลังป่วยด้วยโรคมะเร็งระยะลุกลามและเหลือเวลาอีกเพียงไม่มากนัก อู๊ดจึงต้องการบอกลาและนำของไปคืนแฟนเก่าให้แต่ละคนที่เคยผ่านเข้ามาในชีวิตและเลิกรากันไป คือ อลิซ, หนูนา และ รุ้ง แต่เนื่องจากหมอไม่อนุญาติให้อู๊ดขับรถ บอสเลยอาสาขับให้ เพื่อไปส่งอู๊ดทำตามความตั้งใจครั้งสุดท้ายในชีวิต
ซึ่งอู๊ดได้ตั้งคำถามถึงแฟนเก่าคนสำคัญที่สุดในชีวิตของบอส ซึ่งก็คือ พริม คำถามนี้ได้สั่นคลอนเรื่องราวทั้งหมด และความทรงจำเก่าๆมากมาย ที่เกิดขึ้นในชีวิตของบอสและพริม ให้ได้กลับมาพูดถึงอีกครั้ง และนี้คือเรื่องราวการเดินทางครั้งสุดท้ายของชายป่วยใกล้ตายกับเพื่อนรักที่กำลังจะเริ่มต้นขึ้น ดูหนัง4k
ภาพยนตร์เรื่องนี้เป็นผลงานล่าสุดจากค่ายหนัง GDH อำนวยการสร้างโดย หว่อง กาไว ผู้กำกับมากฝีมือจากฮ่องกง และกำกับโดย บาส (นัฐวุฒิ พูนพิริยะ) เจ้าของผลงาน เคาท์ดาวน์ และฉลาดเกมส์โกง ที่สามารถพูดได้เลยว่า อนาคตของเขาไปได้อีกไกลแน่นอน โดยหนังเรื่องนี้มาพร้อมกับรางวัล World Dramatic Special Jury Award: Creative Vision จาก Sundance Film Festival มาเป็นเครื่องการันตีก่อนเข้าฉายในไทย
พล็อตเรื่อง
จากเนื้อเรื่องสรุปโดยย่อก็พอจะเดาทางออกได้ว่าหนังจะมาแนวไหน ซึ่งคงหนีไม่พ้นหนังแนว Road Trip เพื่อกลับไปทบทวนเรื่องราวอดีตที่ผ่านมา พล็อตแบบนี้แน่นอนว่าอาจจะไม่ค่อยหวือหวาเท่าไหร่ แต่หนังได้ใช้เทคนิคในการเล่าเรื่องที่มีชั้นเชิงเข้ามาช่วยส่งเสริม จึงกลายเป็นหนังที่เต็มไปด้วยเรื่องราวและเรื่องเล่าสะกิดใจไปได้ทุกหลักกิโลเมตรของตัวละครที่เดินทางไปในแต่ล่ะจุดหมาย one for the road เต็มเรื่อง
ในส่วนของบทภาพยนตร์ของ One for the Road วันสุดท้าย..ก่อนบายเธอ อาจจะไม่ได้ดีถึงขั้นสมบูรณ์แบบมากนัก เพราะยังคงแฝงไปด้วยสูตรสำเร็จแบบง่าย ที่เข้าถึงคนดูได้ไม่ยาก แต่ลูกเล่นในการเล่าเรื่องและไดอะล็อกต่างๆ ที่ถูกวางเอาไว้ตลอดทั้งเรื่องนี้ ถูกปรุงแต่งออกมาเป็นสูตรที่กลมกล่อมที่สุด โดยหลักๆจะแบ่งหนังออกได้เป็น 2 องก์ ในขณะที่องก์แรกคือ Road Trip ไปตามเส้นทาง ส่วนองค์สองก็คือความบอบช้ำจากผลลัพธ์ของการกระทำทั้งหมด
ต้องยอมรับว่าหนังเรื่องนี้ได้สร้างมิติให้กับตัวละครในทุกๆตัวเลยก็ว่าได้ จึงทำให้ทุกตัวละครในหนังเรื่องนี้มีมุมมองและเหตุผลในตัวเองเป็นอย่างดี เหตุและผลที่ไม่จำเป็นจะต้องเล่าออกมาเพื่อบรรยายภาพขยายความ แต่ใช้ความรู้สึกของตัวละครนี่แหละ เป็นตัวขยายความในตัวของมันเอง และนี่ก็นับว่าเป็นอีกหนึ่งจุดเด่นที่ค่อนข้างดีในหนังเรื่องนี้ และถ่ายทอดออกมาได้ค่อนข้างจะลึกซึ้ง สามารถประคับประคองหนังทั้งเรื่องเอาไว้ได้อย่างดี
นำแสดงโดย
ในขณะที่องค์ประกอบของนักแสดงนั้น คงจะต้องยกนิ้วให้เลย เพราะการคัดเลือกนักแสดงของหนังเรื่องนี้ได้ถูกเลือกมาเป็นอย่างดีในทุกตัวละคร ต่อ (ธนภพ ลีรัตนขจร) กับ ไอซ์ซึ (ณัฐรัตน์ นพรัตยาภรณ์) เป็นนักแสดงนำชายที่ทั้งคู่ช่วยกันประคองหนังทั้งเรื่องนี้เอาไว้ได้อย่างดีมาก การแสดงทุกอย่างในระดับมืออาชีพของทั้งคู่ได้ถูกถ่ายทอดออกมาเป็นธรรมชาติ เล่นน้อยแต่อินเนอร์ออกมาเต็มในทุกซีนอารมณ์ต่างๆ ก็ถือว่าทำออกมาได้ค่อนข้างดีแบบไม่มีใครยอมใคร one for the road นักแสดง
แต่อาจจะเทใจให้กับไอซ์ซึเล็กน้อย เพราะนี่คืออีกผลงานการแสดงที่ดีที่สุดเรื่องหนึ่งของเขาเลยทีเดียว ไม่ใช่แค่เพียงการเปลี่ยนแปลงร่างกายตัวเอง เพื่อสวมบทบาทผู้ป่วยโรคร้ายจริงๆ ด้วยการลดน้ำหนักแบบสุดขั้ว แต่อินเนอร์และการเข้าถึงบทบาทอารมณ์ของตัวละครนั้นก็ถือว่าแทบจะแบกหนังทั้งเรื่องเอาไว้ได้เลย และเขาผู้นี้ก็น่าจะไม่พลาดที่จะได้เข้าชิงรางวัลทางการแสดงต่างๆ ได้อย่างแน่นอน และคาดว่าน่าจะได้รางวัลติดมือกลับไปด้วยซ้ำ
นอกจากสองหนุ่มที่ทำหน้าที่เป็นตัวนำเรื่องแล้ว บรรดาสาวๆ ที่เป็นองค์ประกอบแฟนเก่านั้น ก็ถือว่าทำได้ดีมากเช่นกัน ไม่ว่าจะเป็น พลอย หอวัง ที่เฉิดฉายจากหนังเรื่องนี้แบบเซอร์ไพรส์ ออกแบบ (ชุติมณฑน์ จึงเจริญสุขยิ่ง) ที่ให้การแสดงน้อยแต่มากได้ดี เช่นเดียวกับ นุ่น (ศิรพันธ์ วัฒนจินดา) ที่ไม่ต้องพูดอะไรมาก เพราะเธอคนนี้อินเนอร์นักแสดงมาเต็ม และยังมี วี (วิโอเลต วอเทียร์) ที่เป็นคนที่ไม่สามารถละสายตาไปได้ เพราะหนังเรื่องนี้ได้ขับเสน่ห์และเทคนิคการแสดงของเธอออกมาได้อย่างดี ยิ่งซีนอารมณ์ที่เต็มไปด้วยความเรียลจัดๆ ก็ต้องปรบมือให้เธอเลย
จุดเด่นและจุดด้อยของหนัง
One for the Road วันสุดท้าย..ก่อนบายเธอ ยังโดดเด่นเรื่องโปรดักชั่นดีไซน์ ที่เห็นได้อย่างชัดเจนเลยว่าแตกต่างจากหนังไทยทั่วไป การออกแบบฉากและจัดวางแสงสีต่างๆ สัมผัสได้ถึงความละเอียดและใส่ใจ ซึ่งเป็นการถ่ายทอดที่ทำออกมาได้บิ้วท์อารมณ์ของคนดูได้ดี กลายเป็นกำไรของคนดูที่ได้เห็นหนังไทยสไตล์อินเตอร์แบบเรียล ที่เต็มไปด้วยความเป็นธรรมชาติองค์ประกอบแวดล้อมแทบจะทุกอณู และอีกสิ่งหนึ่งที่รู้สึกว่าหนังเรื่องนี้ทำได้ดีไม่น้อยหน้าองค์ประกอบอื่นๆ จนต้องหยิบเอามาชื่นชมก็คือ เทคนิคการแต่งหน้าในหนัง แม้ว่าจะเป็นองค์ประกอบเล็กน้อยที่ส่วนใหญ่คนดูไม่ค่อยให้ความสำคัญสักเท่าไหร่ แต่หากว่าดูรายละเอียดจริงแล้ว เทคนิคการแต่งหน้าให้กับนักแสดงเรื่องนี้เต็มไปด้วยคุณภาพ ที่ช่วยบอกเล่าเรื่องราวเป็นอีกนัยได้อย่างสมบูรณ์ มีการลงรายละเอียดเล็กๆ น้อยๆ ที่คนดูอาจจะไม่ทันได้สังเกตเข้ามาใส่ไว้ ทั้งรอยสิวหรือรอยย่นบนใบหน้า เป็นสิ่งที่ช่วยแยกไทม์ไลน์ในการเล่าเรื่องได้อย่างชัดเจนยิ่งขึ้น one for the road pantip
คงต้องบอกว่า One for the Road วันสุดท้าย..ก่อนบายเธอ ก็น่าจะเป็นหนังที่ผู้กำกับ บาส (นัฐวุฒิ พูนพิริยะ) ได้มีอิสระในการเล่าเรื่องในสิ่งที่ตัวเองอยากจะเล่าได้อย่างเต็มที่มากยิ่งขึ้น หนังเรื่องนี้มีความเป็นตัวเขาค่อนข้างมาก เป็นมุมมองที่สะท้อนชีวิตความเป็นอยู่ของคนไทยในต่างประเทศกับเรื่องราวดราม่าในชีวิต ที่ได้แรงบันดาลใจจากตัวผู้สร้างเอง และนี่จึงเป็นจุดที่ทำให้หนังเล่าเรื่องออกมาได้อย่างมีประสิทธิภาพ
ความสวยงามอีกเรื่องที่อยากพูดถึงก็คือ เพลง Nobody Knows และเพลง ถ้าเธอ ที่ใช้ประกอบภาพยนตร์ อยากแนะนำให้ไปลองฟังดูสักครั้ง เป็นเพลงที่เพราะและติดอยู่ในใจมากๆ ชนิดที่ว่าฟังแล้วต้องนึกถึงหรือแอบใส่ใครสักคนไว้ในเพลงอย่างแน่นอน one for the road เรื่องย่อ
ในส่วนของนักแสดงก็แสดงดีกันทุกคน โดยเฉพาะซีนดราม่า ทำกันได้ดี แต่ขอติเรื่องบทพูดบางฉาก ที่บทพูดมันแปลกๆ ดูไม่ค่อยจะธรรมชาติยังไงก็ไม่รู้ แต่ก็แค่บางฉากเท่านั้น ภาพรวมคือดีหมด ด้านนักแสดงสมทบนั้นก็เล่นดีไม่แพ้กัน ไล่ตั้งแต่บรรดาแฟนเก่าของอู๊ดที่รับบทโดย พลอย หอวัง, ออกแบบ ชุติมณฑน์, นุ่น ศิรพันธ์ ที่ทยอยมาสร้างสีสันกันเรื่อยๆ แต่น่าเสียดายที่หนังให้มิติของพวกเธอเป็นแค่คนที่ผิดหวังและโผล่มาเพื่อด่ากับให้อภัยเท่านั้น แม้กระทั่งตัวละครอย่าง พริม ที่รับบทโดย วี วิโอเลต ซึ่งเป็นแฟนเก่าของบอส ทั้งที่ได้มิติและแอร์ไทม์มากกว่าแฟนเก่าคนอื่นๆ แต่ก็มีหน้าที่เพียงแค่ช่วยขับตัวตนจริงของอู๊ดกับบอสออกมา และที่อดพูดถึงไม่ได้เลยก็คือบท พ่อของอู๊ด รับบทโดย ธเนศ วรากุลนุเคราะห์ ที่แม้จะโผล่มาแค่เสียงและซีนสั้นๆ แต่ก็ทำหน้าที่ในการนำพาอู๊ดกับบอสให้ทำภารกิจไปจนสุดทาง one for the road รีวิว
อีกอย่างที่ชอบคือ เสียงประกอบฉากต่างๆ ทำออกมาได้โคตรดี เลือกเสียงประกอบฉากที่ให้เข้าถึงอารมณ์ต่างๆได้ดี เหมาะกับภาพและสถานการณ์ที่กำลังดำเนินอยู่ไปอย่างลื่นไหล อีกอย่างคือการที่เอาเสียงของตัวละครพ่อที่เป็นดีเจคลื่นวิทยุมาใส่ประกอบเป็นเสียงพื้นหลังอยู่เป็นระยะๆ มันเป็นอะไรที่เท่ห์ และดีมากจริงๆ เพราะเสียงที่ได้ยินนั้นมันซ่อนเรื่องราวและความรู้สึกของตัวละครหลักไว้ ทำให้หนังมันมีเสน่ห์เพิ่มขึ้นมา
รีวิวหนัง One for the Road วันสุดท้าย..ก่อนบายเธอ บทสรุป
หนังเรื่อง วันสุดท้าย..ก่อนบายเธอ พยายามอย่างมากที่จะพาเราไปสำรวจในทุกแง่มุมของความสัมพันธ์ ตั้งแต่คนแปลกหน้า เพื่อน คนรัก ไปจนถึงครอบครัว ซึ่งเรื่องราวเหล่านี้ช่วยดึงอารมณ์ให้คนดูมีจุดร่วมกับหนังไปได้อย่างดี เปรียบดั่งเรื่องเล่าที่เล่าผ่านมุมมองของ แก้วเหล้า แก้วค็อกเทล ทุกๆแก้วที่เต็มเปี่ยมไปด้วยเรื่องราวในตัวเอง รสชาติแต่ละแก้วนั้นแตกต่างกัน ก็เหมือนกับชีวิตในช่วงที่ผ่านๆมา ต่างก็มีอะไรที่ไม่เหมือนกัน
ส่วนบางจุดที่ตัวเรื่องเองก็ดูจะสับสนอยู่บ้าง เรื่องไทม์ไลน์ชีวิตของอู๊ดกับสาวๆในนิวยอร์ก โทนของหนังในช่วงที่บอสกลับมาบ้านที่พัทยาก็ดูหลุดจากที่เคยเป็นก่อนหน้า ความประดิษฐ์ หรือจริตที่ล้นไปบ้างในบางฉาก บางสถานการณ์ เรื่องราวที่คลี่คลายในตอนท้าย รวมไปถึงการตัดสินใจของบอส ก็ดูรวบรัดและง่ายเกินไปหน่อย
ส่วนแฟนหนัง หว่อง กาไว ที่เคยมีภาพในหัวว่า ถ้าทำหนังไทยแบบสไตล์หว่อง มันจะออกมาในรูปแบบไหน คำตอบนั้นก็คือ One for the Road วันสุดท้าย..ก่อนบายเธอ เรื่องนี้แหละ ความเฉียบในการกำกับของ บาส (นัฐวุฒิ พูนพิริยะ) ทำออกมาได้ชัดเจน เหมือนดั่งลายเซ็นความเหงาของ หว่องกาไว การันตีด้วยรางวัลด้าน Creative Vision ทั้งจังหวะเล่าเรื่องและการตัดต่อ ทำให้ภาพยนตร์เรื่องนี้กลายเป็นส่วนผสมที่มีรสเข้มข้น ที่เมื่อได้สัมผัสแต่ละคนจะรู้สึกต่างกันออกไป แล้วแต่ประสบการณ์ในชีวิตที่กันเจอมา one for the road ตัวละคร
ความรู้สึกหลังรับชม
หลังจากที่รับชมหนังเรื่องนี้จนจบ โดยรวมแล้วถือว่าทำออกมาได้ดีมาก รู้สึกชอบพอสมควร แต่ก็ยังไม่ถึงกับชอบมากที่สุด แต่รับรองว่าไม่เสียดายเวลาในการดูหนังเรื่องนี้แน่นอน ความดีงามของเรื่องนี้มันอยู่ระดับที่เอาไปฉายให้ต่างชาติดูได้แบบไม่อายเลย ซึ่งโดยส่วนตัวมองว่าหนังไทยควรเริ่มจากหนังดราม่าเนี่ยแหละ เพราะใช้ทุนไม่เยอะ แต่สามารถทำออกมาให้ดีในระดับสากลได้
ถ้าอยากเห็นหนังไทยดีขึ้น และสามารถแข่งขันกับนานาชาติได้ ก็อยากให้ทุกคนช่วยกันสนับสนุนหนังไทยกัน แต่ไม่ได้บอกว่าให้ดูทุกเรื่อง แต่เรื่องนี้ควรดู เพราะมันดีจริงๆ คนทำหนังจะได้มีกำลังใจทำหนังดีๆออกมาให้เราได้ดูอีก สุดท้ายนี้ ขอให้คะแนนไว้ที่ 8/10 เลยแล้วกัน