รีวิว One the Woman ตื่นจากฝัน ฉันเป็นเธอ ‍

One the Woman ตื่นจากฝัน ฉันเป็นเธอ ‍

One the Woman ตื่นจากฝัน ฉันเป็นเธอ ‍

ดูหนังฟรี (อีฮานี) เป็นอัยการสาวที่ชอบรับสินบนจากพวกคนเลว ขณะที่คังมีนา(อีฮานี) Netflixแนะนำ ใช้ชีวิตโดยที่ครอบครัวและบ้านสามีต่างไม่แยแสเธอ ดูหนังเถื่อน โชคชะตาทำให้ทั้งคู่ได้เจอกันที่งานประมูลภาพศิลปะ หนังฟรี ระหว่างที่ยอนจูกำลัง  ดูหนัง สืบสวนคดีฉ้อโกง เธอได้บังเอิญเห็นมีนาและตกใจอย่างมาก เว็บดูหนังไม่มีโฆษณา ที่หน้าตาของทั้งคู่เหมือนกันราวกับแกะ หลังจากนั้นยอนจูก็ประสบอุบัติเหตุจนความจำเสื่อม ดูหนังออนไลน์ และตื่นขึ้นมาพบว่าตัวเองกลายเป็นลูกสะใภ้ของฮันจูกรุ๊ป

หนังใหม่ เรื่องราวแนวคอมเมดี้ที่เล่าถึงชีวิตอันผกผันอย่างกับหน้ามือหลังมือของอัยการสาวนิสัยหยาบคาย ดูหนัง เมื่อวันหนึ่งในขณะที่เธอกำลังไล่ล่าผู้ต้องสงสัยจนประสบอุบัติเหตุและนอนอยู่ในอาการโคม่าพร้อมกับสูญเสียความทรงจำ เมื่อเธอตื่นขึ้นมา เธอกลายเป็นลูกสาวคนเล็กสุด ดูหนังออนไลน์ ในตระกูลดังและลูกสะใภ้ของ BK Group

นักแสดง

อีฮานี รับบทเป็น อียอนจู (อัยการ)

อัยการชั้นสูงประจำโซลที่มีเป้าหมายในการเป็นหัวหน้าอัยการ เธอมีนิสัยแบบขวานผ่าซาก ชอบคอร์รัปชั่น โผงผางและขาลุย เมื่อประสบอุบัติเหตุจนสูญเสียความทรงจำและฟื้นจากอาการโคม่า ยอนจูก็ได้กลายมาเป็นลูกสะใภ้ของฮันจูกรุ๊ปโดยที่เธอไม่ทันตั้งตัว

อีฮานี รับบทเป็น คังมีนา (ลูกสะใภ้ตระกูลแชโบล)

สะใภ้คนรองของฮันจูกรุ๊ปและลูกสาวคนเล็กของยูมินกรุ๊ปที่ครอบครัวและบ้านสามีต่างก็ไม่สนใจ เพราะมีนาเป็นลูกนอกสมรส เธอต้องทำตัวสงบเสงี่ยมและทำทุกอย่างตามความต้องการของแม่สามีที่ชอบกดดันและดูถูกเธอ

แชโบลรุ่นที่ 3 ของตระกูลดังที่ยังทะนุถนอมความรักครั้งแรกไว้ในหัวใจอยู่ตลอดเวลาซึ่งก็คือ คังมินา จนเมื่อเขาเบื่อหน่ายกับการแข่งขันแย่งชิงมรดกในครอบครัวและความรัก เขาจึงออกเดินทางไปอเมริกากับแม่ แต่ตอนนี้เขากลับมาเพื่อตามหาสาเหตุการเสียชีวิตของพ่อ และได้พบกับรักแรกที่นั่นอีกครั้ง และทั้งคู่จึงตั้งใจที่กลับมาสู้อีกครั้ง

One the Woman ตื่นจากฝัน ฉันเป็นเธอ ‍

โดยอน รับบทเป็น คังมีนา (วัยรุ่น)

ลูกสาวคนโตจากฮันจูกรุ๊ปและพี่สะใภ้ของ คังมีนา ที่ถึงแม้จะมีความสามารถที่ยอดเยี่ยมแต่มักจะถูกผลักไสออกจากรายชื่อผู้สืบทอดตลอดเพียงเพราะเธอเป็นผู้หญิงที่เก่งในโลกของบรรดาเศรษฐีหัวโบราณ

ยองฮุน รับบทเป็น ฮันซึงอุค

 อดีตทายาทของฮันจูกรุ๊ปที่ถูกผลักออกจากครอบครัว เขากลับมาเกาหลีเพื่อตามหาสาเหตุการเสียชีวิตของพ่อ และนั่นทำให้เขาได้พบกับรักแรก ‘คังมีนา’ อีกครั้ง โดยที่ยังคงมีเธออยู่ในใจเสมอมา

อีวอนกึน รับบทเป็น อันยูจุน

 อาจารย์ในสถาบันวิจัยและฝึกอบรมด้านตุลาการ เขาเป็นรุ่นน้องที่สนิทของยอนจู มีภาพลักษณ์ที่ดูดีและมีมารยาท จนถือเป็นหนึ่งในของลูกเขยที่ทุกคนใฝ่ฝัน

อาจารย์ในสถาบันวิจัยและฝึกอบรมด้านตุลาการที่ถือว่าเป็นหนึ่งในเป้าหมายของลูกเขยที่ทุกคนตามหา เป็นหนุ่มที่เจียมเนื้อเจียมตัวและดูดี เติบโตมาในครอบครัวที่พ่อแม่ก็เป็นอาจารย์เช่นกัน

พล็อตเรื่องละครน้ำเน่าแต่ดูสนุก

อีกครั้งที่เกาหลีเล่าเรื่องน้ำเน่าออกมาสนุก ด้วยการขายเสน่ห์ตัวละคร จนทำให้เรื่องมีพลังสูงจนลืมมองริ้วรอย และกลายเป็นที่น่าจดจำได้เฉยเลย

หนังหรือละครน้ำเน่านั้นเหมือนเป็นเรื่องสากล เพราะไม่ว่าจะเป็นที่ไหนในโลกก็มีเหมือนกันหมด  เรื่องของชนชั้น  แม่สามีกดขี่ลูกสะใภ้  การแย่งชิงอำนาจและมรดกของพี่น้องร่วมสายโลหิต  ศึกสายเลือด  ที่ถ้าเป็นแนวย้อนยุคก็เรื่องการแย่งชิงบัลลังก์ที่เป็นบริบทเดียวกัน  ความฉ้อฉล  การใส่ร้ายป้ายสี  จนนำมาซึ่งความคับแค้น  และมีจุดมุ่งหมายในการสะสางความแค้นพร้อมกับเคลียร์ชื่อให้คนที่ถูกใส่ร้าย  เอาตามตรงคือกี่ครั้งแล้วที่เรื่องราวเหล่านี้ได้ถูกเล่าออกมา  ที่สำคัญมันดันไม่ค่อยมาในมุมที่แปลกไปเสียด้วย ซึ่ง  มันส่งผลต่อผู้ชมคือเรื่องมันเดาทางง่าย  แต่ก็มีความเร้าใจเพราะขีดเส้นแบ่งทางหัวใจของผู้ชมไว้เรียบร้อย

One the Woman ตื่นจากฝัน ฉันเป็นเธอ ‍

ดังนั้นสิ่งที่จะเป็นความต่างในการเล่าเรื่องน้ำเน่าให้ออกมาสนุกไม่ให้ดูซ้ำหรือเชยก็คือรายละเอียด  บางครั้งเนื้อหาอาจไม่ใช่เรื่องร่วมสมัยแต่รายละเอียดภายในที่จะมาเป็นตัวขับเคลื่อนให้เรื่องราวเดินไปต้องเป็นความแตกต่างที่พึงมี  หมายความว่าต่อให้เรื่องจะเป็นของเก่าเก็บขนาดไหนหากมีรายละเอียดทางด้านบทที่พร้อม  มีลูกเล่นลูกล่อลูกชนตามสมัยนิยมมันก็สามารถดึงดูดให้ผู้ชมยังอ้าแขนต้อนรับเรื่องน้ำเน่าเต็มประดาแบบนั้นได้  ซึ่งลูกเล่นหนึ่งที่ทำให้งานน้ำเน่าสุดฤทธิ์ออกมาหอมหวน  นั่นคือการขายเสน่ห์ของตัวละครให้ตัวละครคนใดคนหนึ่งซึ่งต้องเป็นตัวเอกเป็นเดอะแบกพาเรื่องไป

One the Woman ตื่นจากฝัน ฉันเป็นเธอ ‍

แต่การจะทำแบบนี้ได้นักแสดงที่มาเป็นเดอะแบกต้องมือถึง และเล่นได้ทุกอย่างอย่างที่บทต้องการให้เป็น  และมาในวันนี้ก็มีเรื่องแบบเดิมที่ทำให้พิสูจน์ความเก่งของการเขียนบทของเกาหลีอีกครั้ง  ที่สามารถเล่าเรื่องที่เก่าและซ้ำให้ออกมาดูใหม่ เพราะหากลองคิดดูเรื่องที่พึงท่านจะได้อ่านการรีวิวแบบชำแหละตามสไตล์ผู้เขียนเรื่องนี้  เค้าโครงและแนวทางไม่ใช่เรื่องใหม่เลย ยัเป็นเรื่องที่คอละครได้เห็นมาตั้งแต่ยุคดึกดำบรรพ์เรื่องของแม่ผัวลูกสะใภ้  แต่เรื่องนี้ชัดเจนทีจะตั้งใจมาขายตัวละคร และตัวละครที่ตั้งใจมาขาย ก็ทำหน้าที่ได้อย่างน่าจดจำ  จนทำให้เรื่องนี้ออกมาสนุกบนความน้ำเน่าและกลายเป็นเรื่องที่ต้องแนะนำให้ชม One The Woman

หนึ่งคือโจยอนจู (อีฮานี หรือ Honey Lee) อัยการสีเทาๆที่เกี่ยวข้องพัวพันกับแก๊งอันธพาลและรับสินบน  แต่ก็มีความมุ่งมั่นบางประการทำให้มองเห็นไปพลังอันแรงกล้าของการเป็นอัยการอยู่ในนั้นเช่นกัน  อีกหนึ่งคือคังมีนา (อีฮานี) สะใภ้ทาสในบ้านทรายทองของตระกูลฮัน  เจ้าของเครือบริษัทฮันจูที่คังมีนาต้องทนเป็นทาสรับใช้ถูกโขกสับจากทุกคน เพราะคังมีนาเป็นเพียงลูกนอกสมรสของเครือยูมินอีกบริษัทยักษ์ใหญ่  อันเป็นที่หมายตาเข้ามาครอบครองของกลุ่มฮันจู เท่านั้นยังไม่พอผัวยังมานอกใจเข้าให้อีก  แต่มีเพียงฮันซองฮเย (จินซอยอนพี่สามีที่เหมือนจะเห็นใจคังมีนาอยู่แต่ดูก็รู้ว่าพี่ผัวคนนี้ต้องมีอะไรบางอย่าง

One the Woman ตื่นจากฝัน ฉันเป็นเธอ ‍

จนกระทั่งคังมีนาออกไปร่วมงานประมูลงานศิลปะ และในขณะเดียวกันนั้นก็ช่างบังเอิญเหลือเกินที่อัยการโจยอนจูก็ไปตามสืบจับคนร้ายที่เดียวกัน  ซึ่งมันคงไม่สำคัญอะไรถ้าทั้งสองคนไม่หน้าตาเหมือนกันดังฝาแฝด และในวันนั้นทั้งคู่ก็บังเอิญใส่เสื้อผ้าเหมือนกันอีก  แต่เมื่อโจยอนจูตามคนร้ายออกมาเธอกลับถูกรถพุ่งเข้าชนจนไปฟื้นที่โรงพยาบาล  ทว่าเมื่อโจยอนจูฟื้นขึ้นมาก็กลายเป็นว่า  เธอสูญเสียความทรงจำและทุกคนรอบข้างก็คิดว่าเธอคือคังมีนา อัยการจอมแสบจึงกลายมาเป็นสะใภ้ทาสแทนคังมีนาตัวจริงที่หายไปอย่างไร้ร่องรอย

จนเมื่อครอบครัวของคังมีนาประสบอุบัติเหตุเฮลิคอปเตอร์ตก  เหลือคังมีนาที่เป็นทายาทกลุ่มบริษัทยูมินเพียงหนึ่งเดียวสถานะของเธอในบ้านจึงเปลี่ยนไป  แต่แม้เธอเองจะยังไม่รู้ตัวว่าตัวเองเป็นใครแต่มีคนหนึ่งที่ระแคะระคายนิดๆ  นั่นคือฮันซึงอุค (อีซังยู) ชายผู้เคยมีความหลังกับคังมีนาตัวจริงและเป็นหนึ่งในตระกูลฮันที่มีอดีตที่ต้องสะสาง  เพราะพ่อของฮันซึงอุคต้องตายไปอย่างมีมลทินทำให้กลุ่มฮันจูตกมาอยู่กับน้องชายของพ่อ  จนเขาต้องย้ายไปอยู่อเมริกากับแม่โดยที่แบกเรื่องบางอย่างไว้ในใจ  และการกลับมาครั้งนี้ฮันซึงอุคกลับมาพร้อมความมุ่งหมายที่จะแก้ไขอะไรบางอย่างที่จะส่งผลต่อสถานะตัวเอง

One the Woman ตื่นจากฝัน ฉันเป็นเธอ ‍

แต่ตัวแปรสำคัญดันเป็นโจยอนจูที่อยู่ในสถานะของคังมีนา เมื่อสาวแก่นเซี้ยวจอมแสบและกวนประสาทต้องมาใช้ชีวิตในฐานะสะใภ้ทาส  แถมยังกลายมาเป็นทายาทบริษัทที่ใหญ่พอๆกับบ้านสามีเรื่องเลยชุลมุนพัลวัน  เมื่อลูกสะใภ้ที่ก้มหน้าก้มตาโดนโขกสับกลายมาเป็นสะใภ้ตัวแสบที่พร้อมถอนหงอกทุกคนจนหมดหัว แถมยังเอาตัวตนที่ไม่รู้อิโหน่อิเหน่ไปอยู่ท่ามกลางศึกชิงมรดกหมื่นล้าน  แล้วโจยอนจูจะเอาตัวรอดด้วยทักษะการเป็นอัยการได้หรือไม่และคังมีมาตัวจริงอยู่ที่ไหน  ด้วยเรื่องแม่ผัวลูกสะใภ้ในฉากหน้าที่มีเบื้องหลังเป็นการชิงเหลี่ยมในการชิงมรดกอำนาจบริหารบริษัท  ที่ดูแล้วก็มีกลิ่นตุๆมาตั้งแต่ต้นแต่กลับดูสนุก  เพราะการเป็นได้ทุกอย่างของอีฮานีโดยแท้จริง

พล็อตแบบนี้มันคือเรื่องสามัญประจำบ้านที่ไม่ว่าที่ไหนก็มี โดยเฉพาะกับเรื่องนี้ที่ความจริงเล่าเรื่องน้ำเน่าเก่าเก็บแต่ทำไมถึงออกมาสนุกสุดๆ  นั่นคือเหมือนคนเขียนบทจะรู้ตัวว่า เล่าเรื่องที่เป็นของเก่าเดาทางง่ายแบบนี้มันยากมากที่จะสับขาหลอกผู้ชมได้แล้ว  เพราะเรื่องประมาณนี้มันเล่ามาตั้งแต่สมัยพระเจ้าเหาผู้ชมผ่านตามาจนขี้เกียจนึกถึงแล้ว อย่ากระนั้นเลยเลือกที่จะเปิดหน้าท้าดวลตรงๆดีกว่า ด้วยการเล่าเรื่องหลักออกมาเป็นเรื่องคลาสสิคแบบนี้แต่ชูจุดขายเป็นตัวละคร และแม้จะดูเหมือนซ้ำกับซีรีส์ Mr.Queen ที่เปิดหน้ามาเป็นคอมมิดี้เต็มที่  แต่เชื่อเถอะว่าเมื่อดูไปบทยังมีดีที่จะไม่ทำให้ภาพหรือเค้าลางของตัวละครและโครงเรื่องของ Mr.Queen มาทับซ้อนในจินตนาการ

ทั้งที่เมื่อดูเรื่องนี้จบแล้วค่อยมานึกดูจึงเห็นความคล้ายกันปานนั้น  นั่นหมายความว่าบทของเรื่องนี้สามารถขายตัวเองได้ใช้เสน่ห์ความจัดจ้านของตัวตนของตัวละครได้แบบเด็ดขาด  โดยวางความซับซ้อนไว้ที่คนสองคนที่หน้าตาเหมือนกันแล้วใส่ความสงสัยว่าเธอทั้งสองเกี่ยวของกันอย่างไงก่อน  ซึ่งเชื่อได้เลยว่าผู้ชมร้อยทั้งร้อยสงสัยจุดนี้แล้วมันก็คือลูกเล่นที่ง่ายแต่ได้ผล  ก่อนที่ความพลิกผันของเกมในเรื่องจะมาจากตัวละครอัยการจอมแสบ  ที่ยังคงมีเรื่องของความดีความชั่วหรือการค้นพบตัวเองเป็นความหมายแฝง  ด้วยการใช้สีสันตัวละครที่ฉูดฉาดเชิงมิติ  เลือกเล่าในมุมที่เหมือนเสียดสีความน้ำเน่าของตัวเองเล็กๆ  เมื่อตัวละครที่มาแทนกันไม่ใช่พจมานที่จะมาจิกหัวใช้แต่เป็นอัยการโจที่สู้ทุกดอก

ตลกคอมเมดี้ ดูได้เพลินๆ

สิ่งนั้นก็นำมาซึ่งความสนุกสนานเบอร์ใหญ่ เพราะธรรมชาติของเรื่องประมาณนี้  น้ำเน่าแบบนี้  มันได้ขีดเส้นแบ่งของหัวใจผู้ชมในเรื่องความรักและความชังลงบนตัวละครไว้อย่างชัดแจ้งแล้ว ซึ่งหมายถึงผู้ชมรักและเอาใจช่วยฝั่งโจยอนจูหรือคังมีนาเต็มที่  และรังเกียจพี่น้องพ่อแม่ของสามีเต็มที่ไม่ต่างกัน  มันคือสิ่งที่นำพาความสาสมใจเมื่อได้เห็นพจมานลุกขึ้นสู้เพื่อเอาคืนอย่างเจ็บแสบและทันเกม  หรือใครจะลืมที่คังมีนาเก๊พูดภาษาเวียดนามกับคนใช้ได้ลงเพราะอะไรจะคิดออกมาได้ขำปานนั้น  แล้วแต่ละอย่างมันดันมาพร้อมเสียงหัวเราะด้วยอารมณ์สะใจเรื่องจึงเดินหน้าไปอย่างเพลิดเพลิน  เพลินจนลืมความรั่วของเรื่องหลักที่ตัวร้ายมันเป็นตัวร้ายมิติเดียว นั่นคือเห็นหน้าครั้งแรกหรือได้ยินคำพูดแรกก็รู้แล้วว่าผู้ร้ายตัวจริงเป็นใคร

ส่วนเรื่องราวหลักที่เล่าเป็นเบื้องหลังแม้จะดูแข็งแรงแต่ก็มาตรงๆคือฝ่ายดีจะต้องเจอความพลิกผัน  โดนต้อนจนมุม  โดนกลั่นแกล้งด้วยอำนาจต่างๆนาๆแล้วจึงเห็นว่าบางอย่างก็หาที่ลงง่ายๆหรือหาทางไปเอาดื้อๆเหมือนกัน แต่สิ่งเหล่านั้นไม่มีผลอะไรเลยเมื่อจุดขายที่ตั้งใจมาขาย  คือเป็นความตัวตนของตัวละครโจยอนจูยังทำหน้าที่อย่างเคร่งครัดในการพาอารมณ์ผู้ชมออกทัวร์หัวเราะได้ในทุกตอน แต่ก็ใช่ว่าจะไม่มีเรื่องพลิกผันเร้าใจหรือเดาได้ทั้งหมดโดยสิ้นเชิงเมื่อบทเลือกโรแมนติกแค่พอดีเพราะไม่ต้องเน้นจุดนี้  จึงมีเรื่องพลิกผันด้านความรักและตัวตนของตัวละครบ้างในเกณฑ์ที่พอเหมาะให้หัวใจผู้ชมได้เห็นสีชมพูบ้าง  รวมๆแล้วนี่คืองานที่ตั้งใจเอาเสน่ห์ของตัวละครมาเป็นจุดขายและผู้ชมซื้อหมดใจ  เพราะแม้บทเอื้อให้อย่างเต็มที่  แต่ก็ต้องยกเครดิตให้นักแสดงด้วยเช่นกัน

ชื่อเรื่องก็บอกอยู่โทนโท่แล้วว่า ผู้หญิงหนึ่งคนผู้หญิงคนหนึ่งหรือ หนึ่งเดียวคนนี้ ดังนั้นทุกสิ่งอย่างของเรื่องนี้จึงถูกกำหนดโดยตัวละครและมิติของความเป็นโจยอนจู อย่างที่กล่าวมาข้างต้นว่าจุดขายของเรื่องนี้ก็คือตัวละครซึ่งไม่แน่ใจนักว่าบทนี้ถูกเขียนโดยมีภาพของอีฮานีหรือ Honey Lee อยู่ในจินตนาการของคนเขียนบทหรือไม่  เมื่อผู้เขียนเองได้ดูงานของเธอมาแล้วเรื่องนี้เป็นเรื่องที่สี่  แล้วเรามองเห็นว่าบทบาทของเธอเรื่องนี้แทบไม่ต่างจากที่เห็นในเรื่อง The Fiery Priest (2019) ที่บุคลิกรั่วแบบโบ๊ะบ๊ะเรื่องนั้นติดมาถึงงานหนัง Extreme Job (2019) (ส่วนถ้าอยากเห็นเธอเล่นในบทที่ต่างไปแนะนำให้ดู The Bros (2017))

แต่ทั้งสองเรื่องนั้นโดยเฉพาะซีรีส์บาทหลวงเลือดระอุ บทของเธอถูกกำหนดทิศทางและมิติโดยบทของคนอื่น  ผิดกับเรื่องนี้ที่เธอคือเดอะแบกเพียงคนเดียวอย่างเต็มภาคภูมิ เพราะทุกอารมณ์  ทุกมิติตัวละครจะร้ายจะดี  จะถูกกำหนดและแจกจ่ายแอสซิสต์โดยบทโจยอนจู แม้กระทั่งจะรัก  จะเกลียด  จะให้อภัยใคร  ยังต้องถูกกำหนดโดยตัวละครตัวนี้ แถมอีฮานียังเล่นได้ทุกอย่างที่ตัวละครตัวนี้ต้องเป็น  ยังไม่พอยังเล่นเป็นสองตัวละครที่ต่างกันสุดขั้ว  นั่นหมายความว่าอะไรที่ต้องทำให้ได้อีฮานีทำได้อย่างไม่มีที่ติจนกระทั่งคุมเกมคุมอารมณ์ผู้ชมได้อยู่หมัด ขนาดแค่ทำสีหน้าก็ฮาแล้ว  จัดว่าครบเครื่องจนบางครั้งผู้เขียนเองยังอดคิดไม่ได้ว่า  บทกำหนดให้เธอทำได้ขนาดนี้หรือมีบ้างหรือไม่ที่เธอใช้ความสามารถเฉพาะตัวลื่นไหลไปกับบท

จนกลายเป็นการแสดงที่อยู่ในระดับสุดยอดถ้าว่ากันที่การแสดงบทแบบนี้  เล่นชนิดที่ไม่กล้านึกเลยว่านี่คือนางงาม  แต่นั่นมันก็มาจากการที่ผู้ชมเชื่อหมดใจและการแสดงของเธอได้ใจผู้ชมไปหมดสิ้น หมดจนกระทั่งตัวละครทุกตัวในเรื่องกลายเป็นดอกไม้ริมทางที่โจยอนจูจะแวะเชยชมหรือไม่  ถ้าแวะก็คือมีนาทีที่น่าจดจำ  แม้กระทั่งตัวร้ายอย่าง จินซอยอน ที่เล่นได้ร้ายลึกน่ารังเกียจแต่นั่นก็คือบทที่มีมิติเดียวมองปราดเดียวก็อ่านออก  กลับกันตัวละครที่อ่านยากว่าจะไปต่อยังไงก็คือตัวละครโจยอนจูอีกเช่นเคย  หรือตัวพระเอกอย่างอีซังยุนที่มีเสน่ห์นะ  แต่ก็ไม่สามารถทะลุพลังมหาศาลในการครอบงำเรื่องราวทั้งเรื่องของอีฮานีได้

ซึ่งก็หมายความว่าทุกคนในเรื่องกลายเป็นองค์ประกอบชั้นดีที่มาเป็นมิติ มาเป็นพื้นฐานรองรองรับเรื่องราวให้อีฮานีแบกเรื่องไปข้างหน้าได้โดยไม่ต้องเหนื่อยมากนัก  และนั่นก็คือสิ่งที่เป็นเรื่องนี้ที่ผู้ชมเฝ้ารอการมาของโจยอนจูว่าเธอจะทำอะไรต่อ  เธอจะเอาคืนคนพวกคนที่ร้ายกับเธอได้อย่างไร  เพราะทั้งหมดทั้งเรื่อ ถูกกำหนดโดยหนึ่งเดียวคนนี้โจยอนจูโดยการสวมวิญญาณของอีฮานี ที่แม้จะไม่ต่างจากบทบาทก่อนหน้านี้แต่กลับดูดีมีสง่าราศี ลื่นไหลดูเพลินจนลืมสิ้นเรื่องริ้วรอยต่างๆ  ทั้งการละเลยหลงลืมบางอย่างบางคนหรือความบังเอิญซ้ำแล้วซ้ำเล่า  หรือกระทั่งความง่ายในหลายเรื่องราวไปได้  นั่นคือสนุกจนลืมไปหมดทุกอย่างสนุกจนกลายเป็นงานที่น่าจดจำ

ความจริงเกาหลีก็ใช่ว่าจะมีอะไรใหม่ออกมาเสียทั้งหมด ซีรีส์หรือเปรียบไปก็เหมือนละครหลังข่าวที่ออกอากาศทางโทรทัศน์ในเวลาไพรม์ไทม์ของบ้านเขา  เท่าที่ดูมาอย่างติดๆกันในช่วงหลังก็พอมองออกแล้วว่า  เกาหลีก็มีเอาของเก่ามาเล่าใหม่  มีงานที่ซ้ำแนว  แค่บิดไปเล็กน้อยเปลี่ยนบริบทที่จะเล่าแล้วใช้งานด้านบทเป็นตัวนำมีบ้างที่ใช้พลังดารา แต่ทว่านักแสดงของเขาก็มีมาตรฐานสูงพอที่จะทำให้เรื่องเดินหน้าไปแบบไม่สะดุด ไร้ข้อกังขา  ไม่มีความน่ารำคาญ  หรือเหนือสามัญสำนึกความเป็นมนุษย์  ซึ่งคงมิต้องไปเอ่ยถึงการทำงานในวงการบันเทิงบ้านเขา เพราะผู้เขียนก็ไม่ได้เชี่ยวชาญมากมายขนาดนั้น

แต่สิ่งที่จะสื่อคือเกาหลีสามารถเล่าเรื่องที่ดูเก่า  ให้กลับกลายเป็นมองไม่เห็นหรือหลงลืมความเก่าไปได้หมดอย่างน่าทึ่ง  เช่นเดียวกับเรื่องนี้ที่ลองเปลี่ยนบริบทจะเห็นได้เลยว่ามีให้เห็นผ่านตามาแล้วมากมาย  ซ้ำร้ายยังเป็นเรื่องแม่ผัวลูกสะไภ้ที่น้ำเน่าสุดขีด แต่เมื่อจะเล่าเรื่องน้ำเน่าก็ต้องใช้อะไรมากลบกลิ่น  และเรื่องนี้ก็คือใช้ความตลกกระจุยกระจายมาขับไล่กลิ่นน้ำเน่า  ที่ทำให้เรื่องออกมาสนุกจนลืมไปเลยว่านี่คือเรื่องเก่าเหลาเหย่ที่เคยถูกยี้หรือค่อนแคะว่าโบราณ  ซึ่งส่วนที่ต้องยกย่องคือการเลือกนักแสดงมารับบท  แล้วอย่างที่บอกคือผู้เขียนเองก็บอกไม่ได้ว่าบทเขียนมาเพื่ออีฮานีหรืออีฮานีมาสวมบทได้สุดรั่วขนาดนี้

ด้วยความที่เธอเล่นได้ทุกอย่างแบบไม่ต้องห่วงสวย  ไม่ต้องสนภาพลักษณ์อดีตนางงาม  ใส่ความเด่นของความเป็นเป็นตัวละครที่รับผิดชอบลงไปเต็มที่  จนกระทั่งบางครั้งเมื่อดูเธอแสดงเป็นนิ่งๆตามอีกบทบาทกลับดูขัดหูขัดตาพิกลทั้งที่เธอเองก็รับผิดชอบทั้งสองส่วนได้ดีมากแล้ว  หรืออาจเรียกได้ว่าเป็นการแก้เกมของคนเขียนบทที่รู้ตัวว่าจะเล่าเรื่องที่ไม่ได้มีอะไรแปลกใหม่  จึงต้องใช้พลังของตัวละครที่สีสันฉูดฉาดมาขายในฉากหน้าแล้ววางความเข้มข้นตามแนวทางไว้เบื้องหลัง  แล้วจะว่าโชคดีหรือไม่ก็บอกยากเมื่อนักแสดงที่มาเป็นเครื่องยนต์หลักแสดงออกมาแบบท็อปฟอร์มเบอร์นั้น ใส่สุดๆจนนักแสดงคนอื่นกลายเป็นองค์ประกอบไปอย่างสมบูรณ์แบบ

ทำให้กลายเป็นงานงานคอมมิดี้ดราม่าชั้นดีที่คอมมิดี้นำหน้าดราม่าตามหลัง  และมันทำให้ผู้ชมต้องติดตามความตลกและกวนไปจนสุดทาง ในขณะเดียวกันส่วนของดราม่าน้ำเน่าก็ยังเร้าใจในแบบของมันเพราะเส้นแบ่งมันถูกขีดไว้แล้ว  หรืออาจจะเรียกได้ว่าอีฮานีท็อปจนแบกเรื่องไปสุดทางก็คงไม่ผิดนัก  เพราะความสนุกในทุกสิ่งทุกอย่างในเรื่องนี้ มาจากเธอคนเดียวล้วนๆ  ส่วนตัวเรื่องโดยรวมนี่คือการเล่าเรื่องน้ำเน่าให้ออกมากลมกล่อมถูกปากถูกใจด้วยความเข้าใจเล่าเข้าใจเล่น  ทำให้เรื่องออกมาสนุกจนลืมริ้วรอยมากมายระหว่างทางไปได้เสียสนิทปานนั้น

ดูแล้วไม่เครียดแถมยังได้หัวเราะหนักมาก นักแสดงสาวอีฮานีในบทของโจยอนจูคือเล่นแบบไม่ห่วงสวยเลย ฮาแต่ก็ได้ลุ้นในเวลาเดียวกัน ในขณะที่ตัวละครอื่น ๆ ก็โดดเด่นไม่แพ้กันเลย รอดูว่านางเอกจะเอาคืนครอบครัวสามีของมีนายังไง แล้วจะฟื้นความทรงจำของตัวเองกลับมาได้เมื่อไร ไหนจะเรื่องความรักที่ดำเนินไปพร้อมกันอีก ซึ่งดูเหมือนว่ายอนจูกับซึงอุคนั้นเคยเจอกันมาก่อนตอนวัยรุ่นด้วย แต่เขาคิดว่าเธอคือคังมีนานั่นเอง

 

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *