Resident Evil ผีชีวะ
Resident Evil (2022) เป็นซีรีส์จากช่อง Netflixแนะนำ ที่มีความยาว 8 ตอน ตอนละ 1 ชั่วโมง สร้างมาจากเกม นี้จึงเป็นหนังผีชีวะเวอร์ชัน Live action ที่มีพลอตเรื่องที่น่าสนใจระดับกลางๆ เคมีความเข้ากันได้ของนักแสดงหลักที่เป็นเด็กผู้หญิงทั้งสองคน มี 100 ให้ 220% เลย ดูหนังเถื่อน เพราะสายตาคือสปาร์กกันมาก มีการเล่าเรื่องแบบหนังไฮสคูลทั่วไปที่มีการใส่หนังซอมบี้เข้ามาและพยายามบิ๊วอารมณ์ให้คนดูลุ้นระทึกตลอดเวลา เว็บดูหนังไม่มีโฆษณา แต่ก็ไม่ได้หวือหวาหรือสนุกอะไรมากมสยขนาดนั้น ส่วนตัวคิดว่า ก็หนังซอมบี้ทั่วๆไปที่เราเห็นกันจนชินตา
Resident Evil ผีชีวะ
หนังฟรี ซีรีส์ที่ทำจากเกมในชื่อเดียวกับ แต่นำมาแค่ชื่อและหยิบยืมชื่อตัวละครมาเพียงนิดหน่อยเท่านั้น หนังใหม่ แต่เรื่องราวต่างๆ ถูกสร้างใหม่หมด ดูหนัง โดยเหตุการณ์จะสลับไปมาระกว่างเรื่องราวในเมือง ดูหนังออนไลน์ New Raccoon City ช่วงก่อนที่เชื้อไวรัสจะระบาดใหญ่ กับเหตุการณ์หลังจากนั้นที่โลกกลายเป้นบ้านป่าเมืองเถื่อนไปแล้ว
สำหรับฉบับซีรีส์นั้น ดูหนังฟรี ตั้งใจสร้างให้เป็นเรื่องราวเหตุการณ์หลังจากเกมภาคล่าสุด ( ดูหนัง Resident Evil: Village) แต่ถึงแม้จะคงเส้นเรื่องตามเกมในทุก ๆ ภาคเอาไว้ ซีรีส์ก็ยังถือว่ามีแนวโน้มจะเป็นจักรวาลใหม่ที่แยกออกจากเกมอยู่ดี เนื่องจากทางโปรดิวเซอร์ Andrew Dabb เพียงแต่หยิบยืมโครงเรื่องมาสานต่อเป็นเรื่องราว ดูหนังออนไลน์ Resident Evil ในแบบฉบับซีรีส์ Netflix ก็เพียงเท่านั้น
Resident Evil เวอร์ชันคิดใหม่ทำใหม่ เปลี่ยนร่างเป้นซีรีส์เอาตัวรอดผสมกับซีรีส์วัยรุ่น Coming of Age แต่พาร์ทวัยรุ่นเองเนื้อเรื่องไม่ค่อยน่าสนใจ ค่อนข้างเดาง่าย และนิสัยตัวละครเองชอบมีการเปลี่ยนไปเปลี่ยนมา ส่วนฝั่งพาร์ทเอาตัวรอดนั้นมีความน่าสนใจกว่ามาก แต่ก็ยังขาดซึ่งความกดดันในการเอาตัวรอดเท่าไหร่ เรียกว่าดูแล้วไม่ต้องลุ้นอะไรนัก
ตัวละครหลักๆ
เจด มีนิสัยกล้าหาญ กล้าแสดงออก เป็นเพื่อนสนิทของบิลลี่ เป็นคนที่ไม่กลัว
บิลลี่ เพื่อนของเจด โดนสุนัขที่ติดเชื้อซอมบี้กัด ตอนที่อยู่โรงเรียนเธอโดนเพื่อนที่โรงเรียนแกล้ง แต่มีแต่เจดเท่านั้นที่นั่งอยู่ข้างๆเธอ
เจด เวสเกอร์ นักวิจัยในห้องทดลองที่ทำเชื้อซอมบี้ระบาดจนคนทุกคนเกือบล้านคนติดเชื้อซอมบี้เข้าไป
เรื่องราวของเชื้อซอมบี้ที่ระบาดในเมืองนิวเร็กคูนซิตี้ เมื่อบริษัทิวิจัยยาระดับยักษ์ใหญ่ทำเชื้อซอมบี้ระบาดออกไป และเจดและบิลลี่คือคนที่ได้รับผลกระทบนี้เข้าไป พวกเขาจึงต้องหาคำตอบเพื่อหยุดเรื่องทุกอย่าง เพราะปัญหาทั้งหมดที่เกิดอาจมาจากพ่อของพวกเธอทั้งสองคนก็ได้
ในอนาคตปี 2036 เมื่อความหายนะจากไวรัสมหันตภัยเข้าครอบคลุมไปทั่วทุกแห่งหน Jade Wesker ลูกสาวคนโตของ Albert Wesker ต้องออกเดินทางทำภารกิจสำคัญ นั่นก็คือการเสาะหาตัวทดลองที่เหมาะสมจากเหล่าผู้ติดเชื้อสายพันธุ์ใหม่ (Zero เป็นสายพันธุ์ที่ตาบอด ส่วนใหญ่หูหนวก รับสัมผัสจากการรับกลิ่น) เพื่อนำมาวิจัยคิดค้นยาที่สามารถต้านทานอันตรายจากเหล่าผู้ติดเชื้อได้ และเร่งหาหนทางฟื้นฟูมนุษยชาติให้สามารถกลับมาใช้ชีวิตได้อย่างปกติสุขอย่างที่ควรจะเป็น แต่อุปสรรคในภารกิจนั้นก็ไม่ได้มีเพียงแค่การเผชิญหน้ากับเหล่าผู้ติดเชื้อและสัตว์ร้ายกลายพันธุ์เพียงเท่านั้น แต่มีศัตรูตัวฉกาจเจ้าเก่าที่เราคุ้นเคยชื่อเสียงกันดีอย่าง Umbrella Corporation ที่ตามไล่ล่าหาตัว Jade อย่างต่อเนื่องอยู่ด้วยนั่นเอง
พล็อตเรื่องน่าสนใจแต่ไม่แปลกใหม่เท่าไหร่
การเปิดตัวมาใน episode แรกถือว่าทำได้น่าติดตามมากพอสมควร ด้วยฉากแอคชั่นที่เดือดจัด และส่งขบวนทั้งกองทัพซอมบี้และสัตว์กลายพันธุ์ชวนน่าขนลุกอย่างหนอนยักษ์มาให้คนดูได้ระทึกตามจนใจเต้น การดำเนินเรื่องของซีรีส์นี้มาในแบบสลับไทม์ไลน์เหตุการณ์ปี 2036 (Jade ในวัยผู้ใหญ่) และปี 2022 (Jade ในวัย 14 ปี) ซึ่งถือว่าทำออกมาได้ค่อนข้างดี ถึงแม้ในช่วงกลางเรื่องจะน่าสนใจน้อยลงไปบ้าง แต่ก็ไม่ได้เอื่อยเฉื่อยจนไม่อยากติดตามต่อ
ข้อดีของตัวซีรีส์ก็คือเรื่องโปรดักชั่น ไม่ว่าจะเป็นเรื่องมุมกล้อง คุณภาพของงานภาพ ความเนียนของ cgi และการตัดต่อที่เป็นไปตามมาตรฐาน และสิ่งที่ผู้เขียนค่อนข้างชอบก็คือการเอากิมมิคของเกมมาใส่ ซึ่งก็คือการไขปริศนากลไกภายในตัวอาคารนั่นเอง (มีการใส่ฉากเล่นเปียโน Moonlight Sonata เข้ามา) อีกทั้งดีไซน์มอนสเตอร์ที่ทำออกมาได้น่าสยดสยองเคารพต้นฉบับ (Chainsaw Man, Cerberus, Lisa Trevor, แมงมุมยักษ์, จระเข้ยักษ์)
ในเรื่องของข้อบกพร่องก็คงจะเป็นในส่วนของบทที่ใช้เวลามุ่งเน้นไปในกับการขยี้ปมดราม่าภายในครอบครัวค่อนข้างเยอะจนคนดูอาจจะเบื่อ และการตั้งใจยัดมอนสเตอร์จากตัวเกมเข้ามาหลายตัวแต่ให้เวลากับมอนสเตอร์ไม่สมดุลเท่าที่ควร บางตัวได้โชว์ของแป๊บเดียวก็จอดไปอย่างง่ายดาย อีกทั้งการกระทำของตัวละครในบางครั้งที่ไม่สมเหตุสมผล แต่ถึงแม้ Resident Evil ฉบับนี้ จะไม่ได้เป็นซีรีส์ที่สนุกจนต้องดูแบบรวดเดียวจบ โดยรวมก็เป็นซีรีส์ที่สามารถเปิดดูเพลิน ๆ ในวันว่างได้ ไม่เสียเวลาค่ะ ถือว่ามาดูงานภาพก็คุ้มอยู่
ประเด็นในเรื่องที่ยังไม่คลี่คลายดีและยังสามารถสานต่อได้
เกิดอะไรขึ้นที่ Tijuana
อะไรคือจุดแตกหักที่แท้จริงของสองพี่น้อง Jade และ Billie
ใครคือพ่อที่แท้จริงของ Bea (ลูกสาว Jade)
อะไรคือจุดเริ่มต้นของหายนะทั้งหมดทั้งมวลนี้กันแน่
ภาพสวย CG เริ่ด มีการใช้โทนสีแดงสลับกับสีดำในเรื่องถ่ายแบบไฟกะพริบ หนังค่อนข้างเครียดแต่สนุก ฉากยิงกัน ฉากไฟไหม้ ฉากคนติดเชื้อ ฉากหนีตายเอาชีวิตรอด และฉากสูญเสียเพิ่อนทำออกมาสุดจริง น่ากลัวจริง ลุ้นจริงและบีบคั้นอารมณ์จริง กับสถานการณ์เชื้อซอมบี้ระบาด และตัวเอกเป็นแค่เด็กผู้หญิงคนหนึ่ง ที่ต้องเอาตัวรอดในหมู่ซอมบี้และดงคนตาย ฉากเลือดโคตรเยอะเลยตามสูตรสำเร็จของหนังผีชีวะฝรั่งเขาแหละ ทั้งฉากวิ่ง ฉากหนีตาย ฉากยิงจากเฮลิคอปเตอร์ และฉากต่อสู้กับฝูงซอมบี้ ทำออกมาได้อย่างมันส์ สมกับมาตรฐานของหนังผีชีวะภาคก่อนๆ เอาจริงๆ ซีรีส์ไม่ค่อยน่ากลัว พลอตก็คือคาดเดาได้อยู่แล้ว ถ้าเทียบกับปี 2002 ผู้เขียนมองว่าพลอตของปี 2002 มันสุดกว่า สนุกกว่า การดำเนินเนื้อเรื่องในซีรีส์ค่อนข้างเชื่องช้า เน้นไปที่ความสัมพันธ์ของตัวละคร การผูกปมต่างๆนาๆ และวิธีการหายารักษาคนที่ติดเชื้อเป็นซอมบี้ ซีรีส์พยายามบีบคั้นอารมณ์ของคนดู แต่ทำออกมาได้ไม่สุดเท่าไร ชอบคาแรทเตอร์ที่ทีมงาน casting คัดเลือกนักแสดงเด็กมาอะ เพราะหน้าตาและทักษะการแสดงเป็นเอกลักษณ์ และเป็นที่จดจำของคนดูได้ง่ายดี แม้ว่าจะมีนักแสดงหลักในเรื่องแค่ไม่กี่คนก็ตาม แต่น้องๆก็ถ่ายทอดอารมณ์ของคนที่หวาดกลัวไวรัส และพยายามเอาชีวิตรอดได้ดีจากฝูงซอมบี้ ฉากที่ผู้เขียนชอบที่สุดคือบิลลี่พยายามต่อสู้กับเชื้อซอมบี้ที่กำลังกัดกินเซลล์ในร่างกายของเธอและเจดเลือกที่จะอยู่ข้างๆเธอ ซีรีส์เรื่องนี้มีพากย์ไทยที่สามารถดูได้ทาง Netflix ด้วย
Resident Evil ผีชีวะ
Resident Evil ของ Netflix ที่ได้นำเรื่องราวของเกม Resident Evil เอามาเล่าตีความใหม่โดยมีการอ้างอิงกับเนื้อเรื่องของเกมภาค 5 มาบ้าง แต่ดูเหมือนว่าซีรีส์นี้จะไม่เป็นที่โปรดปรานของแฟน ๆ เท่าไหร่นัก เพราะว่าคะแนนรีวิวของเรื่องนี้ในตอนนี้ ได้รับคะแนนรีวิวที่ต่ำมาก และต่ำที่สุดในบรรดาซีรีส์จากวีดีโอเกมของทาง Netflix ทั้งหมด
ตามรายงานของ Forbes นั้น ซีรีส์ Resident Evil ได้รับคะแนนรีวิวจากผู้ชมเพียงแค่ 22% จาก Rotten Tomatoes หากเทียบกับคะแนนรวม 53% ซึ่งคะแนนผลโหวตจากผู้ชมนั้นก็เป็นไปได้ทั้งจากคนที่ชมจริง ๆ และจากคนที่ไม่ได้ชมเลย ซึ่งหากมีการเทียบกับซีรีส์อนิเมชั่นอย่าง Castlevania ในปี 2017 ได้คะแนนจากผู้ชมไป 88% ส่วน The Witcher ได้คะแนนจากผู้ชมไป 75% สองเรื่องนั้นก็เป็นซีรีส์บน Netflix ที่สร้างจากวีดีโอเกมเหมือนกัน ทำให้เห็นความต่างกันอย่างเห็นได้ชัด
ทั้งนี้คอมเมนต์ส่วนใหญ่ของผู้ชมทั้งจากไทยและต่างประเทศต่างบอกเป็นเสียงเดียวกันว่า ตัวซีรีส์มีการทำออกมาน่าสนใจ หากไม่ได้ใช้ชื่อว่า Resident Evil และให้อารมณ์เหมือนดู Dragonball Evolution รวมไปถึงการถ่ายทอดตัวละครที่ดูแปลก ๆ จนทำให้รู้สึกไม่อิน รวมไปถึงการพยายามยัดเยียดเนื้อหาต่าง ๆ ทั้งผิวสี, วีแกน ที่ไม่ได้มีในต้นฉบับด้วยซ้ำ จนมีผู้ชมในไทยบางส่วนถึงกับเปรียบเทียบกับเวอร์ชั่นภาพยนตร์ของ พอล ดับบลิว.เอส. แอนเดอร์สัน ที่นำแสดงโดย มิลลา โยโววิช ว่ายังทำออกมาดีกว่าเสียอีก
ตัวเรื่องอ้างอิงเนื้อเรื่องเกมหลังแรคคูนซิตี้โดนนิวเคลียร์เพื่อสร้างเป็นไทม์ไลน์ใหม่ของตัวเอง โดยบิดดัดแปลงบางจุดใหม่ด้วย เป็นความพยายามที่ชวนให้แฟนเกมทั้งเครียดทั้งมีบางจุดที่ชอบปะปนกันไป อย่างเวสเกอร์ที่กลายมาเป็นคนผิวดำ ซึ่งผู้ชมทั่วไปที่ไม่ได้รู้ลึกหรือติดภาพจากในเกมก็คงไม่รู้สึกอะไรมาก แต่ตัวมอนสเตอร์ดึงมาจากเกมตรงๆ แล้วทำได้โอเคเลย CG มีทั้งดีกับกลางๆ ไม่ดีมาก แต่ก็ไม่ได้แย่จนรับไม่ได้ โดยมีการเล่าไทม์ไลน์ช่วงอนาคตเน้นแอ็กชั่นล้วนๆ แล้วตัดสลับบ่อยกลับไปยังอดีตเป็นช่วงดราม่าชีวิตวัยรุ่นที่พยายามค้นหาความจริงของตัวละคร ที่กลายมาเป็นชนวนเหตุล้างโลก ทำให้อารมณ์ของเรื่องดูไม่ต่อเนื่อง โดยรวมตัวเรื่องถือว่าอยู่ในระดับกลางๆ ไม่ดีมาก แต่ก็ไม่แย่จนดูไม่ได้ แต่เรื่องก็มีจุดแย่ที่ชวนให้เครียดอยู่เหมือนกันกับบทที่ออกมาหลายครั้งดูโง่มาก แต่จุดดีก็คือการได้เห็นมุมมองทิศทางเรื่องราวใหม่ๆ ที่ทำให้ซีรีส์ยังพอขยับขยายทำต่อได้ในแนวทางของตัวเอง