Snowdrop สโนว์ดรอป
เล่าเรื่องเมื่อฤดูใบไม้ผลิ 1987 นักศึกษาสาว มหาลัยสตรีโฮซู อึนยองโร ได้ตกปากรับคำรุ่นพี่ที่ชวนเธอไปนัดบอดเป็นกลุ่ม และเธอก็ได้พบกับเขา อิมซูโฮ นักศึกษาหนุ่มมหาลัยชื่อดัง รีวิวหนัง เขาเป็นชายหนุ่มที่มีเสน่ห์ ทำให้เป็นที่จับมองของกลุ่มสาวๆ
แต่เขานั้นถูกใจกับ อึนยองโร ตั้งแต่แรกเห็น โดยเธอเองก็ชอบเขาเช่นกัน ต่อมาทั้งสอง เจอกันอีกที่ร้านขายแผ่นเสียง โดยเธอไม่มีเงินพอที่จะซื้อเขาเลยออกเงินให้ เธอจึงนัดเขาเพื่อมารับเงินคืนอีกครั้ง เมื่อถึงเวลานัด อิมซูโฮ นั้นไม่มาตามนัดทำให้เธอรอเก้อ ต่อมาตกกลางคืน อิมซูโฮ โดนไล่ล่าบาดเจ็บเขาเข้าไปหลบในหอพักหญิง และพบกับเธอ อึนยองโร อีกครั้ง เธอให้ที่หลบซ่อนและช่วยรักษาบาดแผลให้ แล้ว อิมซูโฮ เป็นใครถึงโดนไล่ล่า และความรักของทั้งคู่จะเป็นยังไงต่อ ไปลุ้นพร้อมกันเลยจ้า
การดำเนินเรื่อง เล่าเนื้อเรื่องเรื่อยๆ ย้อนไปปี 1987 แล้วเรื่องเล่าถึงความรักของหนุ่มสาวคู่หนึ่ง ที่ทั้งคู่ถูกชะตาและชอบพอกันตั้งแต่แรกเห็น แต่กลับมีอุปสรรคในความรักครั้งนี้ และเนื้อเรื่องเด่นของเรื่องนี้คือเน้นไปทางการเมืองของประเทศ ที่เป็นอุปสรรคระหว่างความรักของพวกเขา โดยเรื่องนี้เป็นแนวโรแมนติกดราม่า จากที่ดูทีเซอร์ก็รู้ได้เลยว่าต้องเตรียมทิชชู่เช็ดน้ำตาแน่ๆเอาเป็นว่าใครชอบแนวนี้ก็ไปหาดูกันเลย
เว็บดูหนัง เรื่องนี้ จีซู มารับบทเป็นนางเอก ซึ่งได้เห็นฝีมือการแสดงของเขาต้องบอกเลยว่า ไม่ใช่เล่นๆเลยนะ ต้องซ้อมอ่านบทและทำการบ้านมาอย่างดีแน่ๆ ถึงแสดงได้ดีสื่ออารมณ์ผ่านตัวละครได้น่ารัก และยังประกบคู่กับพระเอกหนุ่ม จองแฮอิน ที่ต้องบอกเลยฝีมือการแสดงของเขาดีมากๆ แสดงซีรีส์มาแล้วมากมาย โดยเคมีของทั้งคู่เข้ากันมากๆ แถมยังรับบทบาทที่เหมาะสม แสดงออกสีหน้าอารมณ์ของตัวละครได้ดีทำให้อินและเข้าถึงเนื้อเรื่อง ถือว่าสุดยอด และเรื่องนี้ยังมีนักแสดงสมทบอีกมากมายไม่ว่าจะเป็นรุ่นเล็กและรุ่นใหญ่ ที่ขนกันมาเยอะมากทำให้เติมสีสันของเรื่องนี้ได้น่าดูมากยิ่งขึ้น
Snowdrop ซีรีส์เกาหลีแนวโรแมนติก เมโลดราม่า ตลกร้าย เว็บดูหนังฟรี เรื่องแรกจาก Disney+ ที่ซื้อซีรีส์เกาหลีดัง ๆ ดี ๆ มากมายมาฉายสตรีมมิ่งทั่วโลกใน Hotstar ร่วมกับ JTBC ผู้สร้างซีรีส์สะเทือนเรตติ้งเกาหลีมาแล้วอย่าง Sky Castle นำแสดงโดย จองแฮอิน นักแสดงหนุ่มผู้ฝากผลงานนำในซีรีส์ทหารจับคนหนีทหารจากเน็ตฟลิกซ์ D.P. หน่วยล่าทหารหนีทัพ และ คิมจีซู นักร้องสาวจากวงเกิร์ลกรุ๊ปหญิงระดับโลกอย่างวง BLACKPINK ที่เคยฝากผลงานรับเชิญเล็ก ๆ ในซีรีส์ Arthdal Chronicles ในการแสดงนำครั้งแรกของเธอในบทบาทที่จะสะกดใจให้ทุกคนต้องหยุดมอง สมทบพร้อมด้วยนักแสดงมากฝีมือ
เรื่องราวสมมติที่อ้างอิงจากเหตุการณ์ June Struggle ที่เกิดขึ้นจริงในปี 1987 ประเทศเกาหลีนั้นกำลังอยู่ระหว่างการเคลื่อนไหวเพื่อเรียกร้องของขบวนการประชาธิปไตยเกาหลีทั้งหนุ่มสาวและคนรุ่นใหม่ กับการเมืองที่ระส่ำระส่ายและเต็มไปด้วยการชิงดีชิงเด่นอย่างเอาเป็นเอาตายของรัฐเผด็จการ แต่ในมหาวิทยาลัยสตรีแห่งหนึ่งมีเพียงการใช้ชีวิตไปวัน ๆ และเฝ้ารอความรักของ ยองโร หญิงสาวสดใสและเปี่ยมไปด้วยพลังบวกที่เฝ้ารอวันจะได้พบกับชายในฝัน หลังอดีตอันแสนเจ็บปวดที่ตามหลอกหลอน
ทำให้เธอได้พบเจอกับ ซูโฮ ชายหนุ่มหน้าตาหล่อเหลาผู้ทำให้เธอต้องตกหลุมรักตั้งแต่แรกเห็น แต่เขานั้นกลับดูไม่สนใจเธอและทิ้งให้เธอต้องโดดเดี่ยว ทว่า หกเดือนต่อมา ชีวิตของยองโรกำลังจะเปลี่ยนไปตลอดกาล เมื่อระหว่างการเดินทางกลับห้อง
เธอได้พบชายปริศนาคนหนึ่งท่าทางบาดเจ็บหนักเลือดเต็มตัว และเมื่อเธอได้เห็นหน้า เธอก็ต้องช็อค เพราะนั่นคือซูโฮ ผู้ชายที่เธอนึกว่าลืมไปได้แล้ว ตั้งแต่เวลานั้น ชีวิตของยองโรก็กำลังจะได้พบกับพายุหิมะที่โหมกระหน่ำ เพราะการตัดสินใจเพียงครั้งเดียวเพื่อช่วยเหลือซูโฮ ผู้ที่ถูกตามล่าโดยสำนักงานวางแผนความมั่นคงแห่งชาติที่คิดว่าเขานั้น เป็นสายลับจากเกาหลีเหนือที่เกี่ยวข้องกับการตายของคนในสำนักงาน ความลับที่เก็บซ่อนไว้เป็นเวลานานของยองโรและซูโฮ อาจสามารถสั่นคลอนการเมืองเกาหลีได้อย่างไม่น่าเชื่อ
ด้วยความที่ซีรีส์ถูกบอกเล่าด้วยศูนย์กลางของเรื่องความสัมพันธ์ของชายหญิง และการบอกตัวเองว่าเป็นซีรีส์ ดราม่าตลกร้าย ก็เลยพอเข้าใจได้ว่า มันจะมีส่วนผสมของหลาย ๆ อย่างที่ไม่ค่อยลงตัวกันบ้าง โดยเฉพาะพาร์ทของตัวละครหลักชายหญิงที่จะเป็นแนวรักย้อนยุคสดใสน่ารักและล่องลอยราวกับเป็นความฝันผ่านตัวละครศูนย์กลางอย่างอึนยองโร
แต่พอเป็นพาร์ททางการเมืองโทนเรื่องจะเป็นแนวจิกกัดสังคมคนชั้นสูงที่แก่งแย่งชิงดีที่ทำให้คนดูรู้สึกแปลก ๆ แม้ว่าผมจะไม่ใช่คนเกาหลีแต่ผมก็รู้สึกว่ามันดูไม่เป็นอันหนึ่งอันเดียวเลยว่าต้องการจะสื่ออะไร แม้ว่าจะเป็นการอ้างอิงการเมืองเกาหลีสมัยนั้น มันก็ดูจะเป็นเรื่องละเอียดละออไปหน่อย การเล่าเรื่องที่ยาวเยียดและความยาวของตอน ตอนละ 1 ชั่วโมงครึ่ง ที่ยอมรับว่ามี น้ำ และความยืดที่สัมผัสได้ในการเล่าเรื่อง
โดยส่วนใหญ่ให้เวลากับสองประเด็นหลักที่ดูคิดว่าอยู่คนละเรื่อง 1. การแก่งแย่งเป็นผู้นำของประธานาธิบดีของทั้งผู้ชายในเวทีการเมืองหรือการมีคะแนนเสียงของคุณนายในเรื่อง 2. ความรักของสายลับเกาหลีกับหญิงมหาลัยที่มีการประท้วง
เป็นวาทกรรมที่ดูเป็นการบิดเบือนให้โรแมนติกตลกโปกฮาผิดจากโทนของความเป็นจริง โดยการอ้างว่าผู้ที่เข้ามาทำร้ายประชาชนที่ออกมาต่อต้านเผด็จการเป็นฝีมือของสายลับที่ได้คำสั่งจากเกาหลีเหนือ ทั้งที่จริงแล้วเกาหลีเหนือไม่เกี่ยวข้องกับการทำร้ายผู้ออกมาเรียกร้องประชาธิปไตย แต่เป็นรัฐเผด็จการของเกาหลีใต้ในยุคนั้นเองที่พยายามสังหารและทรมานผู้คนที่ออกมาเคลื่อนไหวเพื่อประชาธิปไตยและต่อต้านทหารเหมือนที่เห็นในบางฉากของเรื่อง
แม้ทางช่องจะบอกว่าเรื่องราวในซีรีส์เป็นเพียงเรื่องสมมติ แต่ทว่า มันดันอะไรในเรื่องไปกระตุ้นความเจ็บปวดของคนที่เกี่ยวข้องในปี 1987 ไปโดยปริยาย ซึ่งผมก็ได้รับรู้มาก่อนจากพลอตเรื่องที่กลายเป็นประเด็นถกเถียง ก่อนจะมีการเปลี่ยนแปลงปรับเปลี่ยนในภายหลัง แต่ก็อาจจะไม่ได้ช่วยแก้ปัญหามากมาย เพราะเพียงแค่ฉายตอนแรก หนังใหม่
กระแสเรียกร้องให้ยกเลิกก็รุนแรงจนถึงสองแสนกว่าคน ถึงขั้นบริษัทยักษ์ใหญ่ของประเทศยกเลิกสปอนเซอร์ในตอนที่สอง แต่ถึงกระนั้นซีรีส์ก็ยังยืนยันโดยทางช่องว่าจะฉายต่อไป ท่ามกลางพายุความเห็นที่แตกกันเป็นสองทางตั้งแต่ประกาศพลอตเรื่อง ผมคงพูดได้แค่ในส่วนของตัวละครที่ทำออกมาในแง่ของความมีติได้ดี คาร์แร็คเตอร์ชัดเจนและค่อนข้างมีบทบาทสำคัญ ทั้งดีและร้ายมีปมต่างกันไป น่าสนใจตามแบบฉบับของคนที่เขียนบทซีรีส์เกาหลีดี ๆ
Snowdrop สโนว์ดรอป
หนังใหม่ แต่ปัญหาสำคัญคงเป็นการอ้างอิงถึงมหาวิทยาลัยที่จำลองสถานการณ์เหตุการณ์ในปี 1989 ที่มีตัวละครจากประเทศเกาหลีเหนือที่ทำภารกิจและโดนไล่ล่าโดยตัวละครหลักอีกตัวซึ่งเป็นเจ้าหน้าที่สำนักงานวางแผนความมั่นคงแห่งชาติที่กำลังเป็นที่ประจานในโลกออนไลน์ถึงการเขียนบทออกมาให้ดูเป็นตัวเอกและเป็นวีรบุรุษ ทั้งที่ในความจริงมีรายงานเพิ่มเติมว่า
มีผู้ประท้วงที่เสียชีวิตจากการถูกกล่าวหาว่าเป็นสายลับเกาหลีเหนือ ถูกซ้อมทรมานจนเสียชีวิต (เหมือนในตอนที่สอง) ในขณะที่ชื่อตัวละครหลักอย่างอึน ยองโร ผมพบว่ามันถูกเปลี่ยนจาก ชอน ยองโช นักเคลื่อนไหวเพื่อประชาธิปไตยที่มีอยู่จริง แต่ถูกเขียนให้มีความรักกับสายลับเกาหลีเหนือ ก็อาจจะไม่แปลกใจว่าทำไมถึงต่อต้านกันขนาดนี้ คงคล้าย ๆ เรื่องคู่กรรม นวนิยายอันเก่าแก่ตั้งแต่รุ่นพ่อรุ่นแม่ที่เขียนให้ทหารญี่ปุ่นมีหัวใจจนหญิงไทยตกหลุมรัก
ซีรีส์คงสะท้อนภาพให้เห็นถึงการเคลื่อนไหวเรียกร้องประชาธิปไตยในช่วงที่เกาหลียังอยู่ในระบอบเผด็จการ มีคนออกมาประท้วงเรียกร้องเพื่อสิทธิ์ของตัวเอง ทั้งคนหนุ่มสาวที่ออกมาต่อสู่กับคนคุมฝูงชนจากรัฐบาล ในขณะที่บนเวทีการเมือง มีแต่นักการเมืองสกปรกที่กระหายหวังจะกอบโกยอำนาจอย่างไม่สิ้นสุดและพร้อมจะทำทุกอย่างเพื่อขู่แข่งออกจากเวที
ซึ่งก็ทำออกมาได้น่าสนใจทั้งในด้านฝั่งชายและหญิงที่มีวิธีที่ต่างกัน ทำให้เห็นความเลวที่ไม่ว่ายุคไหนคนเป็นใหญ่ก็ไม่สนใจใหญ่ดีคนชั้นล่าง บางคนต้องดั้นด้นไขว่คว้าแทบตายแต่ไม่ได้โอกาสหรือสิทธิพิเศษใด ๆ ขณะที่คนบางคนได้ทุกอย่างมาแม้ไม่ต้องพยายามก็ได้มันมา ไหนจะเป็นเรื่องของการไถ่ถอนความผิดบาปในอดีตที่ถูกเล่าเป็นระยะในช่วงตอนที่สองที่เกี่ยวข้องกับตัวละครหนึ่งในเรื่อง และความสดใสและสวยงามของสิ่งที่เรียกว่าอาการตกหลุมรักที่มักเกิดขึ้นโดยไม่เคยนึกถึงหรือรับรู้ แต่เมื่อมันมาถึงเราก็พร้อมจะทำทุกอย่างโดยไมสนใจผลที่ตามมาและต้องเดือดร้อนในภายหลังอย่างแน่นอน
ในด้านโปรดักชั่น การถ่ายทำ ฉากหลังในการสร้างบรรยากาศปลายยุค 90 ของเกาหลีก็ถือว่าสมจริง มีการปรับโทนสีให้ดูเป็นหนังย้อนยุค ฟิลเตอร์ฟุ้งตอนฉากตัวละครมีช่วงเวลาร่วมกัน พอเป็นโทนการเมืองก็จะสีเป็นทึบ ๆ ดูน่าเกรงขามและน่าสะพรึงดูเหมือนองค์กรอะไรสักอย่างในชั่วร้าย และต้องขอบอกเลยว่าส่วนที่ดีก็คงเป็นนักแสดงหลักที่แสดงออกมาตามบทบาทได้ดีมาก
อย่างคิม จีซู สาวสวยพี่คนโตของวงแบล็คพิงค์ที่ขอวางไมค์และมารับบทนำครั้งแรกอย่างงดงาม เธอเป็นตัวละครหลักหญิงได้อย่างเป็นธรรมชาติและเข้ากับทุกคนในเรื่องที่ล้วนมีฝีมือ แต่เสน่ห์ของเธอก็ไม่ได้ถูกจมหายไปโดย จองแฮอิน นักแสดงหนุ่มมากฝีมือที่ไม่มีอะไรต้องกังวล เพราะไม่ว่าเขาจะเล่นเป็นใคร ก็โดดเด่นไปซะหมด ดูหนังฟรี แต่ก็ยังแชร์เคมีแสนหวานกับคิมจีซูได้อย่างมีมนต์ขลัง ในขณะที่รุ่นใหญ่รุ่นนักแสดงก็ไม่มีอะไรให้กังขาเพราะแต่ละคนก็คือดาวเด่นของวงการโทรทัศน์เกาหลีอยู่แล้ว จะนิ่ง จะล้นแค่ไหนก็ไม่มีหลุดฉาก มีทั้งคอยเป็นตัวสมทบและตัวรับเชิญขับเคลื่อนประเด็นในตอนนั้น ๆ ไป
ที่สำคัญเพลงประกอบทั้งเปิด ระหว่างเรื่องยังไพเราะและชวนให้นึกถึงบรรยากาศอันเยือกเย็นของเกาหลีในช่วงที่เต็มไปด้วยความเคลือบแคลงใจ แต่มีเพลงหนึ่งที่กลายเป็นที่โจษจันอีกคือ มีฉากหนึ่งที่ตัวละครที่เหมือนจะเป็นคนเกาหลีเหนือหลบหนีจากเจ้าหน้าที่และวิ่งผ่านกลุ่มนักศึกษาที่กำลังร้องเพลง Sola Blue Sola (เพลงเรียกร้องประชาธิปไตยที่ถูกใช้ในช่วงเวลานั้นจริง ๆ)
ต่อหน้าเจ้าหน้าที่ควบคุมฝูงชนก่อนถูกทำร้าย ในขณะที่ตัวละครไม่สนใจ กลายเป็นจังหวะนรกที่ทำให้คนรู้สึกกังขาว่าทำไมต้องเป็นตอนที่มีเจ้าหน้าที่กับสายลับวิ่งผ่านด้วย ผมก็ไม่เข้าใจเท่าไหร่ถึงบริบทในเรื่องตอนแรก แต่พอลองหาข้อมูลใช้มุมมองของคนที่ได้รับรู้เหตุการณ์นั้น ก็เข้าใจแล้วว่ามันเป็นการตอกย้ำถึงความเจ็บปวดด้วยการบิดเบือนความจริงทางประวัติศาสตร์อย่างไม่น่าให้อภัย จนผมยังค้างเติ่งที่ดูฉากนี้โดยไม่เข้าใจความเจ็บปวด ทำให้แอบกังวลว่า ถ้าแฟนซีรีส์ที่ไม่ได้อยู่ในประเทศเกาหลีได้รับชม เขาจะเข้าใจแบบไหนกัน คงเป็นเรื่องที่ละเอียดอ่อนเกินกว่าจะมองข้ามสำหรับเกาหลี คิดแค่นั้นก็ทำให้ผมตระหนักว่า เรื่องสมมติบางครั้งก็ถูกสร้างด้วยสมมติฐานของความจริง และมันก็เป็นเรื่องที่น่ากลัวเหลือเกิน
ถ้ามองในเรื่องความบันเทิง ดูหนังออนไลน์ SNOWDROP ก็มอบให้ได้ในระดับหนึ่งในแง่ของซีรีส์ฟอร์มดี แต่ถ้านับองค์ประกอบการแสดงของนักแสดง ทั้งจีซูและจองแฮอินที่ถูกในแฟน ๆ เพลงประกอบและโปรดักชั่นจะแบกเรื่องนี้อย่างเดียวก็คงไม่ผิด เพราะเรื่องราวที่ค่อนข้างไม่สม่ำเสมอ มีความยืดไม่ค่อยไปไหนและชวนสับสนโดยเฉพาะโทนเรื่องที่เหมือนมาจากคนละเรื่อง ก็ทำให้มันเป็นงานที่ดีแต่มีความแปลก ๆ ในการนำเสนอ ไม่รู้ว่าข้อถกเถียงนี้จะไปในทิศทางไหนได้อีก ในเมื่อช่องบอกสองตอนต่อไปจะเข้าประเด็นจริง ๆ
ที่ไม่เกี่ยวกับประวัติศาสตร์ แต่การทำสื่อที่มีการพาดพิงหรือกล่าวอ้างผู้คนหรือสถานการณ์ที่มีอยู่จริง ไม่ว่าจะอย่างไร ต้องใช้ความระมัดระวังรวมถึงใช้วิจารณญาณ ทั้งในมุมผู้สร้างและผู้ชม ผู้สร้างก็ต้องตรวจสอบว่าอะไรที่ทำให้มันเป็นที่โจษจัน ในขณะที่ผู้ชมก็จำเป็นต้องเตือนตัวเองว่าซีรีส์เรื่องนี้ เป็นเพียงเรื่องสมมติ จะเอามาปะปนกับความจริงไม่ได้ แม้มันจะมาจากประวัติศาสตร์ก็ตาม
เราก็ควรจะมีความตระหนักและคิดตามภาพของคนที่อยู่ในเหตุการณ์ที่ออกมาเรียกร้องมันเป็นยังไง เพื่อไม่ให้ตกเป็นเป้าของความบันเทิงที่ทับถมความเจ็บปวดของคนที่อยู่ในเหตุการณ์ เพราะฉะนั้น ถ้าหากมีอะไรเปลี่ยนไปในตอนต่อไป ผมจะมาอัพเดทเพิ่มนะ เพราะนี่แค่สองตอนแรก ก็หวังเอาไว้นะ ว่ามันจะมีทางลงที่จะไม่เสียหายไปมากกว่านี้ เพราะตอนนี้ในแง่ของเงินทุนที่คอยสนับสนุนซีรีส์ก็ถือว่าหาย แม้จะฉายต่อไปจนจบ ก็ไม่รู้ว่าจะได้รับผลที่คุ้มกับทุนที่เสียไปมั้ยกับกระแสในขณะนี้
ซีรีส์ดาร์กคอเมดี้ผสมผสานความเป็นโรแมนติกคอเมดี้กับความเข้มข้นของการเมืองผ่านเนื้อเรื่องที่ไม่ค่อยติดตาม ค่อนข้างน่าเบื่อ โทนเรื่องกับจังหวะที่ไม่ค่อยลงตัวระหว่างดราม่ากับตลก เพราะเป็นแบบตลกร้ายตามสถานการณ์ โดยได้เสน่ห์การแสดงนำครั้งแรกอย่างเชิดชายของจีซูที่จะต้องโดนใจชาวบลิงค์ และแฟน ๆ ของจองแฮอิน ร่วมกับนักแสดงมากฝีมือมารวมตัวได้อย่างกลมกล่อม โปรดักชั่นทุ่มทุนอย่างหนัก แต่ต้องชะงักเพราะการนำเสนอที่ดูขัด ๆ กับประเด็นหลักของเรื่องที่เหมือนเล่าอยู่คนละเรื่อง