Twenty Five Twenty One
รีวิวหนัง เรื่องราวของ นักกีฬาฟันดาบสาวไล่ตามเป้าหมายอันยิ่งใหญ่ แต่ก็ต้องพบกับความผิดหวังหลายอย่าง แต่เมื่อเขาได้เจอกับชายคนนึงที่อายุมากกว่าเธอ คนสองคนที่ได้พบกันตอนพวกเขาอายุ 22 ปี และ 18 ปี และจบลงด้วยความเจ็บปวดตอนทั้งคู่อายุ 23 ปี และ 19 ปี จนเมื่อทั้งคู่อายุ 24 และ 20 ปี ต่างเริ่มได้เรียนรู้ที่จะไว้ใจกันและกัน และแล้วเรื่องราวความรักของพวกเขาก็เริ่มต้นขึ้นช่วงอายุของทั้งคู่ที่ 25 ปี และ 21 ปี โครงหลักของตัวซีรีส์จะถ่ายทอดเรื่องราวความรัก การเติบโต มิตรภาพของเหล่าคนวัยเยาว์
Twenty Five Twenty One พาย้อนกลับไปสัมผัสชีวิตของกลุ่มวัยรุ่นในช่วงวิกฤตเศรษฐกิจไอเอ็มเอฟ ปี 1998 ผ่านตัวละครหลักอย่าง นาฮีโด (รับบทโดย คิมแทรี) ลูกสาวผู้ประกาศข่าวคนเก่งที่ใฝ่ฝันอยากเป็นนักกีฬาฟันดาบมืออาชีพ แต่เศรษฐกิจที่ล้มเหลวทำให้ชมรมถูกสั่งปิดเนื่องจากขาดเงินทุนสนับสนุน เธอจึงต้องทำทุกวิถีทางเพื่อย้ายไปยังโรงเรียนมัธยมปลายแทยัง จุดหมายใหม่ที่ทำให้เดินตามฝันได้ต่อและยังเป็นสถานที่ที่ทำให้เธอได้ใกล้ชิดกับ โกยูริม (รับบทโดย คิมจียอน) นักกีฬาฟันดาบมืออาชีพผู้เป็นต้นแบบของเธออีกด้วย
อุปสรรคสำคัญในการย้ายโรงเรียนของนาฮีโดคือผู้เป็นแม่ที่ไม่สนับสนุนเธอมากนัก นาฮีโดจึงเริ่มคิดแผนการอุตริเพื่อย้ายโรงเรียนให้สำเร็จ ไม่ว่าจะหาเรื่องทะเลาะวิวาทกับเพื่อน เข้าร่วมแก๊งท้าตบตีกับเด็กต่างโรงเรียน หรือแม้กระทั่งการลักลอบเข้าใช้บริการไนต์คลับเพื่อให้ถูกตำรวจจับก็ตาม แต่สุดท้ายแผนการทุกอย่างกลับล้มเหลว จนกระทั่งเธอได้พบกับ แพคอีจิน (รับบทโดย นัมจูฮยอก) ชายหนุ่มผู้เป็นเศษซากจากครอบครัวที่ล้มละลายซึ่งกำลังบากบั่นทำงานเพื่อกอบกู้ชีวิตให้อยู่รอดต่อไป
แม้ซีรีส์จะเปิดฉากมาด้วยตัวละครนาฮีโดในปี 2021 เว็บดูหนัง ซึ่งประสบความสำเร็จและมีลูกสาวที่น่ารัก แต่ฉากหลังส่วนใหญ่ของเรื่องที่ต้องการบอกเล่าความรักและความฝันของตัวละครซึ่งเป็นวัยรุ่นปลายยุค 90 จึงทำให้มีกลิ่นอายความเป็นซีรีส์ตระกูล Reply อันโด่งดัง ซึ่งต้องบอกว่าหากใครเคยผ่านยุคนั้นมาจะต้องอินกับบรรยากาศได้ไม่ยากและมีความสุขมากหากได้ดูซีรีส์เรื่องนี้
เพราะเพียงตอนแรกที่ออกอากาศผ่านไป หลายฉากหลายตอนทำให้เราคิดถึงความทรงจำในยุคอะนาล็อก ผ่านตัวละครแพคอีจินที่ทำงานพาร์ทไทม์ในร้านเช่าหนังสือการ์ตูน การใช้เพจเจอร์หรือโทรศัพท์เครื่องหนาเตอะเป็นอุปกรณ์สื่อสารในสมัยที่สมาร์ตโฟนยังไม่ถือกำเนิดขึ้นบนโลกด้วยซ้ำ อีกทั้งยังให้รายละเอียดเกี่ยวกับข้าวของเครื่องใช้ในช่วงสมัยนั้นได้อย่างครบถ้วน ดูแล้วคิดถึงตอนเป็นเด็กขึ้นมาทันที
ที่สำคัญยังสอดแทรกเหตุการณ์สำคัญในความทรงจำของผู้คนเอาไว้มากมาย ไม่ว่าจะเป็นการควบรวมกิจการธนาคาร นักกีฬาผู้ปลอบโยนคนในสังคมจากพิษเศรษฐกิจ และเหตุการณ์การประท้วงของผู้คนในอุตสาหกรรมภาพยนตร์เกาหลีที่ถนนชุงมูโร ซึ่งถือเป็นจุดเปลี่ยนที่ทำให้สื่อบันเทิงของเกาหลีใต้แข็งแรงมาจนถึงทุกวันนี้
อีกหนึ่งประเด็นที่ชวนให้ขบคิดว่าซีรีส์เรื่องนี้อาจไม่ได้มีจุดจบที่สวยงามอย่างที่หลายคนคาดหวัง เห็นได้จากฉากที่นาฮีโดชวนแพคอีจินไปเล่นก๊อกน้ำที่โรงเรียนเก่า และมีเพลง Twenty-Five, Twenty-One ของศิลปิน Jaurim ประกอบฉากดังกล่าว ซึ่งคุณคิมยุนอาได้เขียนขึ้นเพื่อมอบให้กับคนรักที่พบเจอกันตอนทั้งคู่อยู่ในช่วงวัย 25 และ 21 ปี ตรงกับยุควิกฤตไอเอ็มเอฟ ก่อนที่ฝ่ายหนึ่งจะเสียชีวิตลงด้วยอุบัติเหตุก่อนการแต่งงาน
ค่อนข้างชัดเจนว่าทั้งชื่อเรื่องและเนื้อหาที่ปรากฏในสองตอนแรกที่ออกอากาศผ่านไป เป็นการอ้างอิงถึงเหตุการณ์จริงที่เกิดขึ้นกับผู้ประพันธ์เพลงเกือบทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็นช่วงวัยหรือยุคสมัยที่ความสัมพันธ์ของพวกเขาได้ก่อตัวขึ้นก็ตาม มาถึงตรงนี้คงได้แต่เตรียมใจให้แข็งแรง เสพความสุขช่วงโค้งแรกกันให้เต็มอิ่มเพื่อเพิ่มภูมิคุ้มกันรับแรงกระแทกในช่วงโค้งสุดท้าย ทั้งนี้ซีรีส์อาจพลิกแพลงไม่ให้คนดูต้องเสียน้ำตามากเกินไปก็เป็นได้ แม้ความหวังจะดูริบหรี่แต่หากมองในแง่ดีไว้ก่อนก็ไม่มีอะไรเสียหาย
นอกจากความน่าสนใจของตัวบทอย่างที่ได้เล่ามาแล้ว อีกหนึ่งสีสันที่เติมเต็มความสมบูรณ์แบบให้กับเรื่องนี้นั่นคือทีมนักแสดงนำ รางวัลดาวเด่นเห็นทีต้องยกให้ คิมแทรี กับทักษะทางการแสดงที่ไม่ต้องถามว่าทำไมเธอคนนี้จึงเป็นที่ต้องการของผู้กำกับหลายท่าน คิมแทรีทำให้เชื่อว่าเธอคือนาฮีโดผู้ถูกยุคสมัยพรากความฝันไปอย่างแท้จริง เล่นใหญ่เล่นโตจนอดสงสารไม่ได้ ซ้ำยังแจกความสดใสสมวัยจนหลายคนต้องยิ้มตาม
ในขณะที่ตี๋ นัมจูฮยอก ยังคงความหล่อออร่าทะลุฝ้าเพดานเช่นเคย คาแรกเตอร์ของเขาในเรื่องนี้มีความคล้ายกับตัวละคร นัมโดซานจากซีรีส์ เว็บดูหนังฟรี Start-Up (2020) แต่เป็นเวอร์ชั่นที่พูดเยอะกว่า โดยเฉพาะฉากที่ต้องสวมบทเป็นเด็กหนุ่มสู้ชีวิต ลูกคุณหนูตกอับที่จำเป็นต้องเข้าใจโลกในวันที่สูญเสียครอบครัว เจ้าพ่อแห่งวงการชีวิตรันทดถือเป็นทางถนัดที่นัมจูฮยอกสามารถใช้สายตาถ่ายทอดให้ผู้ชมเห็นถึงความเจ็บปวดได้เป็นอย่างดีอยู่แล้ว แถมยังมีเคมีที่เข้ากันกับคิมแทรีชนิดที่ต้องเขินตามกันเลยทีเดียว นอกจากนี้ยังมี ชเวยอนอุค รับบทเป็น มุนจีอุง เจ้าน่ารักห้องเจ็ด และ อีจูมยอง รับบทเป็น จีซึงวาน หัวหน้าห้องผลการเรียนระดับท็อป มาเติมเต็มสีสันให้เรื่องนี้น่าดูมากขึ้นไปอีก
นาฮีโดที่กำลังอยู่ในช่วงขาลงของการเป็นนักกีฬาฟันดาบ ก่อนที่วิกฤติ IMF จะทำให้เธอต้องลุกขึ้นมาเปลี่ยนแปลงตัวเองจนประสบความสำเร็จได้ในที่สุด เป็นเสมือนภาพแทนของบริษัทที่จากเดิมที่กำลังเผชิญช่วงตกต่ำ แต่เมื่อเจอเข้ากับ IMF พวกเขาก็ลุกขึ้นมาเปลี่ยนแปลงจนพลิกเป็นผู้นำได้ แต่ส่วนหนึ่งก็เพราะว่ามีต้นทุนที่ดีและสายป่านที่ยาวพอที่จะทำอย่างนั้นได้หากจะให้ยกตัวอย่างให้ชัดเจน หนึ่งในธุรกิจของเกาหลีใต้ที่เกิดได้เพราะ IMF เหมือนกับนาฮีโดคือบริษัทซัมซุงซึ่งตอนนี้เป็นหนึ่งในบริษัทที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในเกาหลีใต้ บทความจาก Financial Times ในช่วงปี 2004 เผยว่าความสำเร็จของซัมซุงในวันนี้เกิดจากการเปลี่ยนแปลงในตอนนั้น เพราะก่อนเกิดวิกฤตบริษัทกำลังประสบกับช่วงตกต่ำเมื่อการขายเครื่องใช้ไฟฟ้าราคาถูกดูจะมาถึงทางตัน เพราะต้นทุนที่สูงขึ้นและการแข่งขันที่ดุเดือดกับสินค้าจากประเทศจีน
แพคอีจินที่เคยอยู่ในจุดสูงสุดแล้วล้มลงมาสู่พื้น เช่นเดียวกับธุรกิจใหญ่ยักษ์ที่บริหารโดยกลุ่มแชโบลที่ล้มครืนลงมาเพราะการกู้เงินในต่างประเทศ เช่น Halla Group บริษัทชิ้นส่วนรถยนต์ ก่อสร้าง ต่อเรือ ฯลฯ ที่ล้มเพราะ Hyundai บริษัทพี่อุ้มไว้ไม่ไหว เหมือนกับแพคอีจินที่พ่อเคยมีบริษัทก่อสร้างใหญ่ แต่ต้องมาบ้านแตกสาแหรกขาดและเริ่มต้นจากติดลบเพราะครอบครัวล้มละลายจนไม่สามารถเลี้ยงดูเขาได้อีกต่อไป
โกยูริม จากครอบครัวชนชั้นแรงงาน ที่เข้าข่ายคำพูดที่ว่าวิกฤตการณ์ทำให้คนรวยกลายเป็นคนจน ส่วนคนจนก็ต้องจนอยู่อย่างนั้น และสถาการณ์ทางการเงินในครอบครัวถึงทางตันก็ต้องยอมทิ้งสัญชาติไปทำงานที่ต่างประเทศ ยอมทำอะไรที่คนอื่นอาจจะมองว่าเห็นแก่ตัวเพื่อดูแลครอบครัวให้รอด
Twenty Five Twenty One
สิ่งหนึ่งที่ทำให้คนดูรู้สึกเชื่อมโยงได้ไม่ยากอย่างแน่นอนคือความรู้สึกของการโดนพรากเอาความหวังและความฝันไป จริงอยู่ว่าเศรฐกิจที่แข็งแรงของเกาหลีใต้ โดยรวมไม่ได้โดนกระทบจนเป๋เท่าอีกหลาย ๆ ประเทศในโลกและกำลังฟื้นตัวได้ดี แต่ก็มีคนอีกมากมายที่ได้รับผลกระทบทั้งทางการเงิน หรือทางจิตใจ คล้ายกับสิ่งที่เกิดขึ้นในช่วงวิกฤต IMF ที่แม้ตัวละครบางตัวจะยังมีกินอยู่สบาย แต่สุดท้ายผลกระทบทางเศรฐกิจก็สามารถชิ่งมากระทบพวกเขาได้ในทางใดทางหนึ่ง ซึ่งอาจจะทำให้ผู้ชมรู้สึกเชื่อมโยงได้ง่ายขึ้น
สะท้อนกระแสสตรีนิยมที่เพิ่มขึ้นในเกาหลีใต้ โดยเฉพาะในวงการกีฬา เพราะเมื่อดูซีรีส์เรามักจะได้เห็นเรื่องราวการต่อสู้ของนักกีฬาชายได้บ่อยกว่ามาก และถ้าตัวเอกเป็นผู้หญิงก็มักจะเป็นกีฬาที่เน้นความอ่อนช้อยกว่า เป็นตอกย้ำกระแสความนิยมนักกีฬาหญิงที่เพิ่มขึ้นในเกาหลีใต้ตั้งแต่ช่วงโอลิมปิกที่ผ่านมาอีกด้วย
วิกฤตเศรฐกิจส่งผลกระทบต่อการวางอนาคต การตัดสินใจมีคนรัก ตัดสินใจจะแต่งงาน หรือจะมีลูกหรือไม่อย่างมาก สังเกตได้จากอัตราการแต่งงานและผลโพลต่าง ๆ ที่ชี้ไปในทิศทางเดียวกันว่าคนเกาหลีใต้นั้นเลือกที่จะไม่มีคู่ ส่วนหนึ่งเพราะความไม่พร้อมหลาย ๆ อย่าง และความต้องการที่จะก้าวหน้าในอาชีพไปในทิศทางของตัวเอง ความรักของนาฮีโดและแพคอีจินพัฒนาขึ้นท่ามกลางความไม่พร้อมเหล่านี้ จังหวะชีวิตที่ไม่ลงตัวอาจจะเป็นความรู้สึกที่หลายคนเชื่อมโยงได้ เหมือนกับที่สถานการณ์การระบาดของโรคในยุคสมัยนี้ที่พรากความรักและความสัมพันธ์ไปจากผู้คน เพราะการที่ต้องโฟกัสกับการเอาตัวรอดในเรื่องอื่น
การเชื่อมโยงสู่ปัจจุบันถูกเน้นย้ำด้วยตัวละคร คิมมินแช ลูกของนาฮีโดเพราะปัญหาที่เธอกำลังเผชิญนั้นเป็นปัญหาเดียวกันกับที่คนรุ่นแม่เผชิญหมุนวนมาอีกครั้ง ทั้งความรู้สึกในช่วงตกต่ำและความรู้สึกกดดันที่จะต้องประสบความสำเร็จตั้งแต่อายุน้อยก็ทำให้คิมมินแชเหมือนเป็น personification ของเกาหลีใต้ในปัจจุบันเช่นกัน
เป็นซีรีส์ที่ไม่ได้เพียงแค่สามารถสื่อสารกับชาวเกาหลีใต้เท่านั้นแต่เป็นคนทั่วโลกและเป็นอีกครั้งที่พิสูจน์การใช้ soft power ของเกาหลีใต้เพื่อปลอบโยนหัวใจของผู้คนเมื่อได้พบกับวิกฤต เพิ่มความเป็นน้ำหนึ่งใจเดียว และสร้างขวัญและกำลังใจให้กับผู้ชมว่าไม่ว่ายุคสมัยจะพรากความฝันไปจากผู้คนอีกกี่ครั้งแต่เกาหลีใต้จะสามารถลุกขึ้นมาอย่างสง่างามได้เสมอ หนังฟรี
เรื่องราวความรักโรแมนติกที่ก่อตัวขึ้นในกลุ่มเพื่อนวัยรุ่นยุค 90 ที่ครอบครัวได้รับผลกระทบจากวิกฤตเศรษฐกิจปี 1998 ทำให้พวกเขาต้องสูญเสียความฝันและเผชิญกับสถานการณ์ไร้ทางออก นาฮีโด (คิมแทรี) หนังใหม่ นักกีฬาฟันดาบระดับมัธยมปลายผู้ยังคงมีความมุ่งมั่นและความฝัน แม้ว่าทีมฟันดาบของเธอจะถูกยุบหลังจากเกิดวิกฤต IMF (วิกฤตเศรษฐกิจครั้งใหญ่ในเกาหลีใต้เมื่อช่วงปลายทศวรรศที่ 1990) นาฮีโดไล่ตามความฝันอย่างเปี่ยมด้วยพลังและความมุ่งมั่น เธอไม่ยอมแพ้แม้ต้องเผชิญความลำบากมากมาย
นาฮีโดได้พบกับ แพคอีจิน (นัมจูฮยอก) ชายหนุ่มสุดขยัน ผู้หาทางสร้างชีวิตของเขาขึ้นมาอีกครั้ง ซึ่งครอบครัวของเขาประสบปัญหาอย่างหนักหลังได้รับผลกระทบจากวิกฤต IMF เขาต้องแบกความรับผิดชอบต่อครอบครัวเนื่องจากเป็นลูกชายคนโต และได้กลายมาเป็นนักข่าวในที่สุด
พวกเขาเรียกชื่อกันครั้งแรกเมื่ออายุ 22 และ 18 ปี ปัจจุบันพวกเขาต้องใจเต้นกับเส้นบาง ๆ ระหว่างรักแรกที่ทำให้หัวใจสั่นไหวกับมิตรภาพอันอบอุ่นในขณะที่อายุ 25 และ 21 ปี เตรียมพบกับเรื่องราวความรักและการเติบโตอันแสนสดใส ซึ่งจะย้อนเตือนให้เรานึกถึงชีวิตวัยรุ่นที่แม้จะเหนื่อยยากแต่ก็สวยงาม ความทรงจำอันบริสุทธิ์และเปี่ยมไปด้วยไฟฝันของกลุ่มวัยรุ่น 5 คนที่พบเจอกับความอ่อนไหวและความสัมพันธ์ที่แตกต่างกันออกไป
ตอนจบของซีรีส์เรื่องนี้ มีหลายคนเลยที่รู้สึกไม่ชอบ ดูหนังฟรี ไม่ใช่หลายคนหรอก ส่วนใหญ่เลยแหละ เพราะตอนจบมันค่อนข้าง งงๆ จบแบบให้เราไปตีความกันเอาเอง แต่ละคนก็มีเหตุผลที่ไม่ชอบไม่เหมือนกัน บางคนก็ไม่ชอบเพราะมองว่าจบไม่ดี พระนางไม่ได้คู่กัน ส่วนบางคนมองว่าตอนจบตัดต่อไม่ดี เล่าเรื่อง งงๆ และบางคนก็ไม่ชอบเพราะตอนจบไม่ยอมสรุปเรื่องราวทั้งหมดที่คาใจคนดู ว่าสรุปแล้วนางเอกแต่งกับใคร มินแชคือลูกใคร ซึ่งส่วนตัวสำหรับผม รู้สึกเฉยๆกับตอนจบ ไม่ได้ถึงกับชอบ และก็ไม่ได้ถึงกับเกลียด
ฉากสุดท้ายที่นาฮีโดในปัจจุบัน เดินไปที่อุโมงค์ ซึ่งหลายคนบอกว่าเป็นฉากที่นาฮีโดตอนแก่มาแก้ปมในวัยเด็กของตัวเอง โดยที่แพคอีจินไม่ได้อยู่ตรงนั้นจริงๆ และไม่ได้รับรู้ด้วยเลย และคำพูดของแพ็คอีจินก็คือมโนของนาฮีโด ซึ่งซีรีส์ให้เราเห็นแบบกำกวมมากๆ ส่วนตัวผมดันตีความไปอีกแบบ และก็ไม่รู้ว่าแบบไหนกันแน่ที่ถูก ผมมองว่าคำพูดของแพ็คอีจิน น่าจะเป็นคำพูดที่เขียนอยู่ในไดอารี่ที่นาฮีโดพึ่งได้คืน เพราะว่าไดอารี่เล่มนี้มันหายไปตอนที่นาฮีโดเลิกกับแพคอีจินไปแล้วซักพัก คำพูดฝั่งนาฮีโดในตอนจบ จึงอาจเป็นสิ่งที่นาฮีโดเขียนไว้ก่อนเลิกกับแพคอีจินก็เป็นได้ เพราะเธอมานึกเสียใจว่าเราไม่น่าเลิกกันแบบนั้นเลย ซึ่งไดอารี่นั้น ดันมีคนเจอและส่งไปให้แพคอีจิน จึงเป็นไปได้ว่าแพคอีจินอาจเขียนตอบข้อความนั้นในไดอารี่ และฝากเถ้าแก่ร้านหนังสือไว้ให้นาฮีโด หรือเอาง่ายๆก็คือ ฉากสุดท้ายคือคำพูดของทั้งคู่ที่บอกลากันผ่านไดอารี่ และไดอารี่นั้นก็พึ่งมาถึงมือนาฮีโดในวันที่เวลาผ่านมานานมากแล้ว จึงไม่แปลกที่นาฮีโดจะบอกว่า “ฉันปล่อยให้นายยืนรออยู่ตรงนี้ตั้งนาน” เพราะนาฮีโดพึ่งจะรู้ว่า อีจินรู้แล้วว่าเธอไม่อยากเลิกกันแบบนั้น ดูหนังออนไลน์