รีวิวซีรี่ย์เกาหลี มัธยมซอมบี้

รีวิวซีรี่ย์เกาหลี เรื่อง All of Us Are Dead หรือ มัธยมซอมบี้ เป็นซีรี่ย์ netflix จากเกาหลี ที่สร้างจากเว็บตูนชื่อดัง หาดูได้แล้วแบบ เต็มเรื่อง พากย์ไทย และซับไทย ซีรี่ย์แนวซอมบี้เขย่าขวัญ บอกเลยว่าไม่ดูถือว่าพลาดมาก หรือสามารถอ่านรีวิว แนะนำของเราก่อนก็ได้ ดูซีรี่ย์เกาหลีได้แล้วในเว็บหนังhdใหม่

“All of Us Are Dead” หรือ “มัธยมซอมบี้” เป็นซีรีส์ต้นฉบับของ Netflix ที่ติดอันดับท็อป 10 ของ Netflix ใน 91 ประเทศทั่วโลกเมื่อเปิดตัว มีเรื่องราวที่สนุกตื่นเต้นที่ทั้งคู่ต้องหนีความตายของความรักวัยรุ่นและแก้ปัญหาในชีวิตของตัวละครแต่ละตัว แม้ว่าจะมีบางฉากที่ไม่เข้ากับตัวละครและทิศทางของเรื่อง แต่ก็ยังอดไม่ได้ที่จะติดตามชมตอนต่อไปจนจบ เพราะความน่าสนใจของเรื่องราวไม่ใช่แค่ตัวละครและการตัดสินใจของพวกเขาเท่านั้น

แต่ความจริงแล้วเรื่องราวสะท้อนชีวิตของนักเรียนและสังคมเกาหลีได้อย่างน่าสนใจ ซอมบี้ในเรื่องไม่ใช่แค่ผลลัพธ์ของวิทยาศาสตร์และการทดลองเท่านั้น แต่ความบีบคั้นที่เกิดจากสถานการณ์ทางสังคมที่รุนแรงกัดกินจิตวิญญาณของวัยรุ่นจนไม่มีอะไรเหลือนอกจากความกลัวและการดิ้นรนเพื่อเอาชีวิตรอด และผู้ใหญ่ที่เพิกเฉยต่อปัญหาก็เป็นมุมมองที่น่าสนใจเช่นกัน นอกจากนี้ยังมีสัญลักษณ์ที่ชวนให้นึกถึงภัยพิบัติเรือข้ามฟากเซวอล นี่คือโศกนาฏกรรมครั้งใหญ่ที่นำไปสู่ความล้มเหลวของรัฐบาลส่งผลกระทบต่อเยาวชนอย่างมาก

ทั้งยังเป็นการนำเนื้อหามาจากเว็บตูนผลงานของ จูดองกึน (Joo Dong-geun) ที่ฉบับภาษาไทยใช้ชื่อว่า ‘ตอนนี้ โรงเรียนของเรา..’ ซึ่งมีฐานแฟนการันตีความนิยมมาก่อนแล้ว คล้ายกับซีรีส์ ‘Sweet Home’ (2020) หรือ ‘Hellbound’ (2021) ที่ต่างเรียกกระแสความสนใจได้มากตั้งแต่แรกเช่นกัน

มัธยมซอมบี้ เรื่องย่อ เหตุการณ์ประหลาดอันน่าสยดสยองได้เกิดขึ้นในโรงเรียนมัธยมแห่งหนึ่งในเมืองฮโยซาน เมื่อเด็กหญิงคนนึงที่หายตัวไปในโรงเรียนกลับปรากฏตัวขึ้นในห้องเรียนและเข้าทำร้ายคนในโรงเรียน ไม่นานทั้งโรงเรียนก็เต็มไปฝูงคนคลั่งหรือซอมบี้ที่สามารถแพร่เชื้อไวรัสได้จากการกัดและการมีบาดแผล ไม่มีใครรู้ว่ามันมาจากไหน หรือเพราะอะไร เหล่าวัยรุ่นมัธยมที่เหลือรอดที่นำโดย นัมอนโจ, ชองซาน, นัมรา, ซูฮยอก และคนอื่น ๆ ต่างต้องเผชิญกับปมปัญหาภายในใจที่ทำให้พวกเขาต้องเรียนรู้ถึงมิตรภาพและการเอาชีวิตรอด ก่อนที่จะตกเป็นเหมือนพวกมัน แต่ทว่าไม่นานนักจากการแพร่เชื้อของไวรัสภายในโรงเรียนก็กลายเป็นระดับชาติ ความหวังเริ่มริบหรี่และความเป็นจริงอันโหดร้ายทำให้พวกเขารู้ว่าในวันล้างโลกแบบนี้ ความหวังและความสามัคคีไม่เพียงพอจะทำให้พวกเขาสามารถผ่านวิกฤติได้ นอกซะจากต้องเรียนรู้สัญชาตญาณการเอาตัวรอดในแบบที่พวกเขาคาดไม่ถึง หรือสุดท้ายในที่สุด ทุกคนจะตายกันหมด ไม่มีความหวังเหลือแล้ว

เมื่อซีรีส์ออกอากาศตอนแรก เสียงมากมายบนโซเชียลมีเดียพูดถึงองค์ประกอบบางอย่างของซีรีส์ที่ชวนให้นึกถึงโศกนาฏกรรมเซวอล เมื่อเรานึกย้อนกลับไปอ่านเพิ่มเติม ยิ่งทำให้สิ่งนี้สะท้อนให้เห็นเหตุการณ์และตัวละครต่างๆ เช่น ครูและผู้ใหญ่ละทิ้งเยาวชนเพื่อประโยชน์ส่วนตน ไปจนถึงริบบิ้นไว้อาลัยซึ่งอาจสะท้อนว่าโศกนาฏกรรมทั้งสองเกิดจากเรื่องเดียวกัน

ผลประโยชน์และความเห็นแก่ตัวที่มาก่อนชีวิตเยาวชน

ในตอนต้นของเรื่อง ทางเลือกในการเปลี่ยนเมืองทั้งเมืองให้กลายเป็นซอมบี้ขึ้นอยู่กับเรื่องราวเล็กๆ น้อยๆ ที่ผู้มีอำนาจไม่สนใจ สอดไว้ใต้พรมเพื่อรักษาใบหน้าและที่วางของคุณ เช่นเดียวกับเหตุการณ์ Shiyue มันก็เริ่มต้นด้วยความเฉยเมย แม้ว่าเรือจะดัดแปลงอย่างผิดกฎหมาย แต่ก็เริ่มด้วยการผ่านใบอนุญาต เพื่อให้สามารถขนส่งสินค้าได้มากขึ้นและเรือเหล่านี้ไม่ต้องถูกตรวจสอบความปลอดภัยอย่างเข้มงวด ความไม่แยแสต่อแหล่งที่มาของหายนะเซวอลก็เหมือนกับครูวิทยาศาสตร์ที่พยายามเรียกร้องความยุติธรรมให้กับลูกที่ได้รับบาดเจ็บของเขา มันถูกหลายคนมองข้ามเป็นเรื่องเล็กน้อย แต่สิ่งที่ถูกมองว่าเป็นปัญหาเล็กน้อยกลับส่งผลกระทบอย่างใหญ่หลวง

ครูใหญ่ผู้ถูกห้ามไม่ให้แจ้งบุคคลภายนอกและนำนักเรียนกลับเข้าห้องเรียนตั้งแต่เริ่มเกิดเหตุ หลังจากสถานการณ์ลุกลามบานปลาย หลายครั้งก็ควบคุมไม่ได้ นอกจากนี้เขายังสั่งให้นักเรียนเข้าไปในรถของพวกเขาเพื่อให้เขาหนีไปได้ ชวนให้นึกถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นบนเรือ Serval แม้จะมีเวลาออกมาแต่กัปตันก็ไม่สั่งการจนนักเรียนหลายคนที่รออยู่เสียชีวิตอย่างน่าเศร้า กัปตันและลูกเรือหนีออกไปก่อน ทั้งๆ ที่บางคนอ้างว่าประกาศสาธารณะ ระบบได้รับความเสียหาย นักเรียนที่อยู่ชั้นบนและเพื่อนร่วมงานในห้องไม่ได้รับคำเตือนด้วยซ้ำว่าพวกเขาต้องข้ามก่อนที่จะหนีขึ้นเรือ สะท้อนให้เห็นถึงความประมาทเลินเล่อและความเห็นแก่ตัวอย่างสุดโต่งของผู้นำซึ่งอยู่แถวหน้าของทุกสิ่ง เหมือนในซีรีย์

จากคนอ่านคอมมิคจบคงคิดว่าซีรีส์ลอกมาจากฉบับคอมมิคแทบจะทุกกระเบียดนิ้ว มีการขยายเรื่องราวสลับไปสู่มุมมองที่จริงจังมากขึ้นเกี่ยวกับสาเหตุและโทนของเรื่อง เลือดสาดกระเซ็น ลำไส้ ช่องท้อง และรอยถูกกัด มีละครที่เหมาะกับบทอย่างท่วมท้น การเล่าเรื่องเป็นแบบเส้นตรงสลับไปมาหลายมุมมอง ไม่ใช่แค่ให้เราเห็นมิติและการกระทำที่เชื่อได้ เหตุผลทางวิทยาศาสตร์และประเด็นทางสังคมที่อยู่นอกเหนือการอยู่รอด เนื้อเรื่องเป็นไปตามสูตรการเอาชีวิตรอดจากซอมบี้ทั่วไป แต่ยังมีโครงเรื่องย่อยซึ่งบางเรื่องค่อนข้างน่าขบขัน บางคนเรียกมันว่าการผสมผสานที่น่าเบื่อ โดยเฉพาะอย่างยิ่งการพยายามใส่ฉากโรแมนติกเข้าไป ในช่วงเวลานี้

ผู้คนมักจะรู้สึกรำคาญกับความรักสามเส้าเหมือนในละครเกาหลี ในบางฉากจะมีความหวังว่าตัวละครจะรอด แม้ซีรีส์จะพยายามบอกสถานการณ์ของตัวละครว่าพวกเขากำลังเจอซอมบี้ และมีการตัดสินใจที่เด็ดขาดและชาญฉลาดที่ทำให้เรารู้สึกเออ มันสมเหตุสมผลตามวัยรุ่นคือไม่โง่ ไม่ได้สิ้นหวังและเชื่อได้ว่าในชีวิตจริงจะต้องทำยังไง แต่จะมีบางตัวละครก็ยังทำตัวเหมือนหลุดออกมาจากหนังซอมบี้สูตรสำเร็จแบบตะวันตกยุค 90 ที่วอนหาเรื่องให้ทีมซวยตลอด แต่ที่ชื่นชมคือเดาไม่ออกเลยว่าใครจะตาย ใครจะรอด เพราะบางคนที่รอดมากว่าสิบตอนก็ยังสามารถมาตายเท่ ๆ หรือโง่ ๆ ได้เหมือนกัน ดูเป็นเรื่องปกติดี ตอนจบเรื่องเหมือนจะสรุปทุกอย่าง แต่กลับทิ้งท้ายบางอย่างแบบงง ๆ เหมือนจะทำต่อหรือเปล่าก็ไม่รู้

ซีรีส์นี้พยายามบอกเล่าเรื่องราวให้ได้มากที่สุด แทนที่จะเน้นไปที่โรงเรียนมัธยมเหมือนชื่อเรื่องแปลไทย แต่ตัวเอกโดดเด่นกว่าใคร น่าจะเป็นตัวเอกทั้งสี่ นางเอก Nan Wenzu เธอมีเงื่อนงำเกี่ยวกับการเรียนที่ย่ำแย่ของเธอ แต่เขาสามารถเอาชีวิตรอดจากพ่อนักผจญเพลิงได้ดี และตกหลุมรักซูฮยอก หนุ่มหล่อที่ดูเหมือนจะกลายเป็นพลังสำคัญในการเอาชีวิตรอด Cheongsan เป็นเด็กที่เป็นมิตร

เพื่อนสนิทของอนโจที่เป็นห่วงเธอมากกว่าเพื่อน แต่เมื่อเวลาผ่านไป เขากลายเป็นฮีโร่ที่ช่วยทุกคนแม้พวกเขาจะกลัวก็ตาม การถูกแยกจากโลกภายนอกทำให้เธอสงบและมีสติมากที่สุดในกลุ่ม และค่อยๆ เห็นความใจดีและมิตรภาพทำให้เธอเปลี่ยนแปลงตัวเอง แม้แต่ซอมบี้ก็ไม่อาจหยุดความบ้าคลั่งของเขาไม่ให้เปลี่ยนไปเป็นมุมมองของคนชรากลุ่มหนึ่งได้ และเด็กๆ ที่มีปัญหาก็สามารถกลายเป็นกำลังสำคัญในการเอาชีวิตรอดในช่วงเวลาวิกฤตได้

มีธีมที่น่าสนใจมากมายในซีรีส์ All of Us Are Dead พากย์ไทย นี้ การรังแกกันในโรงเรียนไม่เคยได้รับการแก้ไขและก่อให้เกิดปัญหาสังคมที่ใหญ่กว่าการแก้ปัญหา ไม่ว่าจะเป็นการล่วงละเมิดทางกาย การล่วงละเมิดทางเพศผู้ใหญ่ก็ไม่เคยได้ผล ทำให้บางครั้งอาจนำไปสู่การสูญเสีย แต่หากการสูญเสียนั้นนำไปสู่ความบ้าคลั่งหรือความขุ่นเคืองใจที่เพิ่มขึ้น

อาจทำให้เกิดความโกลาหลอย่างที่ไม่มีใครคาดคิด เรื่องราวของพลังแห่งชนชั้นที่ถูกเปลี่ยนโดยซอมบี้ พวกที่ไม่มีโอกาสเจรจาเพราะถูกข่ม แต่บางครั้งเหยื่อก็กลายเป็นผู้ล่าเมื่อสถานการณ์เปลี่ยนไป การเห็นแก่ตัวและเอาแต่ใจตัวเองยังสร้างความเดือดร้อนให้คนรอบข้างได้ เช่นเดียวกับตัวละครในเรื่อง พวกเขาพร้อมที่จะละทิ้งแม้แต่คนใกล้ชิดหรือสมาชิกในครอบครัวด้วยใบหน้าบูดบึ้งเมื่อถูกต้อนจนมุม

เรื่องราวชีวิตของหญิงท้องในวัยเรียนที่ต้องใช้สัญชาตญาณความเป็นแม่ทำทุกวิถีทางเพื่อปกป้องลูก ความรักของพ่อกับลูกที่ไม่มีทางเป็นไปได้ การล้างแค้นของอันธพาลที่ต่อสู้อย่างหนักเพื่อทำร้ายผู้อื่น มีการตัดสินใจมากมายที่แม้แต่รัฐบาลหรือกองทัพก็พร้อมที่จะทำ แม้ว่ามันจะหมายถึงการทำลายชีวิตจำนวนมากก็ตาม วัยรุ่นเริ่มตั้งคำถามถึงการดำรงอยู่ในสังคมและอคติต่อกันและกัน ความหวังที่จะเป็นคนนอกหรือถูกขับไล่โดยผู้ใหญ่ที่เอาแต่ใจตนเองนั้นขึ้นอยู่กับความรู้และความเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกัน

ปัญญาของวัยรุ่นที่จะทำทุกอย่างเพื่อความอยู่รอด แม้จะทะเลาะเบาะแว้งกันไปบ้างแต่ก็ไม่เคยหมดหวังและแม้แต่ความรักที่ยอมสละทุกอย่างเพื่อให้คนที่รักรอดก็เป็นไปตามสูตรหนังซอมบี้ แต่เล่ห์เหลี่ยมถูกผลักไสจนกลายเป็นความอ่อนโยนและแอบเคือง นอกจากนี้ยังสะท้อนให้เห็นถึงความหลากหลายของสังคมมนุษย์

ด้านการจัดองค์ประกอบ ยอมรับว่า ฉากซอมบี้บุกในช่วงแรก มุมกล้องกว้างๆ แบบหนังฝรั่ง ดีมาก พยายามถ่ายให้ดูทุลักทุเล และมีโปรดักชั่นของเกาหลีหลายเรื่องที่น่าชื่นชมจริงๆ เพราะใน 12 ตอน มีมุมกล้อง ซูมขยาย ที่หลากหลาย ซึ่งแสดงให้เห็นถึงความโหดร้ายของโลกอย่างแท้จริง จากเหตุการณ์โควิด เรื่องนี้ดูน่าเชื่อถือ แต่ CG หลุดไปหลายฉาก มันอาจจะแตกต่างจากเรื่องอื่นในแง่ของการออกแบบซอมบี้ แต่พวกมันมีเอกลักษณ์และมีระดับความโหดที่แตกต่างกัน

แถมยังดูน่าเชื่อถือเพราะนักแสดงมีการเคลื่อนไหวที่เห็นแล้วใครไม่วิ่งก็คือตาย เพราะมันทั้งไวและกัดไม่กี่นาทีคนก็กลายเป็นแบบมัน นักแสดงนำแสดงได้ดีทั้ง ยุนชานยองในบทตัวเอกชายคนแรกที่ตอนต้นเรื่องอาจจะดูไม่ค่อยน่าสนใจ แต่พอในช่วงซอมบี้บุกเขากลับมีเสน่ห์และแสดงได้ดีมาก พัคจีฮูในบทตัวเอกหญิงที่เล่นดี สวย น่ารัก แต่บทที่บอกว่าฉลาดมีอยู่แค่ต้นเรื่อง ที่เหลือคือซุ่มซ่าม ไม่ห่วงตัวเอง ห่วงผู้ชาย อยู่ในรักสามเศร้าที่ชวนปวดหัว

มันสนุกและดี แต่ไม่มีอะไรพิเศษไปกว่าการทำให้ซอมบี้น่ากลัวและไม่เหมือนใคร มันเหมือนกับการรวมเอาหนังซอมบี้อเมริกันเข้ากับนรกซอมบี้คลั่งที่เร่งรีบบวกกับซีรีส์โรแมนติกเกาหลี เลยกลายเป็นรสชาติที่สาวกซอมบี้เกาหลีต้องถูกใจ แต่จะผิดหวังสำหรับผู้ที่คาดหวังสิ่งที่น่ารำคาญน้อยกว่า เพราะไม่มีอะไรว้าวเลย. บทกระจายออกไปจนขาด ตัวละครที่ยอดเยี่ยมและฆ่ามากมายที่จะทำให้เขาตกใจกลางอากาศ ตัวเอกสำคัญแค่ไหนก็ใช้ได้

แต่ไม่เป็นไร คงเพราะชินกับการดูเรื่องมากไป ประเด็นทางสังคมที่ปรากฏในหนังซอมบี้หลายๆ เรื่อง แม้ว่าจะมีจุดดีอยู่บ้าง เช่น การรังแกกัน หรือผู้ใหญ่กับวัยรุ่น แต่มันแสดงผลได้เบามาก ไม่มากสำหรับฉัน นอกจากนี้ฉันไม่รู้ว่าฉันวางแผนที่จะทำในฤดูกาลหน้าหรือไม่ เพราะในซีรีส์มันจบแบบตลกๆ คือ พูดได้เต็มปาก แต่หลังจากดูครบทุกตอนหรือเหมือนที่ผู้กำกับบอกตอนสุดท้ายมีแค่ซีซั่นเดียว สิ่งนี้อาจไม่เป็นความจริง ยังต้องดูผลต่อไป เพราะนี่อาจเป็นละครทำเงินเรื่องต่อไปของ netflix สำหรับผู้ชมทั่วไปที่ชอบซอมบี้เกาหลี แต่สำหรับผมถือว่าผ่านครับ ถ้าชอบแนวนี้ อาจจะชอบมากกว่าผม