รีวิว D.P. หน่วยล่าทหารหนีทัพ

D.P. หน่วยล่าทหารหนีทัพ

D.P. หน่วยล่าทหารหนีทัพ

D.P.: Deserter Pursuit หรืิอชื่อไทยอย่างเป็นทางการคือ ตามล่าทหารหนีทัพ ซีรีส์ต้นฉบับจาก Netflix ที่นำมาสร้างจากเว็บตูนเรื่อง รีวิวหนัง D.P. Dog’s Day ที่ คิมโทบง ผู้เขียนเว็ปตูนได้ใช้ประสบการณ์ชีวิตระหว่างที่เขาเข้ากรมในหน่วยดีพีจริง ๆ มาสร้างเป็นเรื่องราวของพลเรือน อันจุนโฮ‘ (รับบทโดย จองแฮอิน) ที่ได้เข้ารับราชการทหารตามกฎหมายรับราชการทหารสาธารณรัฐเกาหลี มาตราที่ 3 ซึ่งกำหนดว่า “ชายที่มีสัญชาติสาธารณรัฐเกาหลีทุกคนต้องเข้ารับราชการทหารโดยสุจริตตามที่รัฐธรรมนูญและกฎหมายบัญญัติ” โดยอันจุนโฮได้เข้าไปพบกับความเน่าเฟะและปัญหาที่สั่งสมมานานของกองทัพเกาหลี เรื่องเริ่มดำเนินขึ้นอย่างน่าติดตามเมื่อ ‘อันจุนโฮ’ มีความสารถบางอย่างที่เตะตา พัคบอมกู‘ (รับบทโดย คิมซองกยุน) เข้าและได้ถูกคัดให้เข้าทีมดีพีทีมสารวัตทหารที่มีหัวหน้าคู่หูสุดทะเล้นอย่าง ฮันโฮยอล‘ (รับบทโดย คูคโยฮวาน) ต้องออกนอกค่ายเพื่อไปตามล่าหาเบาะแสเพื่อนำทหารหนีทัพกลับมายังค่ายทหาร

ซีรีส์เรื่องนี้มีด้วยกันทั้งหมด 6 ตอนเท่านั้น แต่เป็น 6 ตอนที่หนักหน่วงในช่วงท้ายเหลือเกิน

ชื่อเรื่องที่เขียนเป็นตัวอักษรย่อภาษาอังกฤษ 2 ตัวว่า “D.P.” นั้น เว็บดูหนัง ย่อมาจาก Deserter Pursuit ที่มีอยู่จริงในกองทัพของเกาหลีใต้ ซึ่งเป็นหน่วยสารวัตรทหารที่มีหน้าที่ในการติดตามไล่ล่าเหล่าทหารที่หลบหนีออกจากกองทัพ เปรียบประหนึ่งนักสืบที่ต้องแฝงตัว สืบเสาะหาเบาะแสของผู้หลบหนีไปทั่วประเทศ นอกฐานทัพ ซึ่งความพิเศษอยู่ที่ นักเขียนบทคิมโบทง ผู้อยู่เบื้องหลังเว็บตูนต้นฉบับ และได้ร่วมเขียนบทในซีรีส์เรื่องนี้ เคยปฏิบัติหน้าที่ประจำหน่วย “D.P.” มาก่อน ซึ่งเขาได้รังสรรค์เรื่องราวจากประสบการณ์จริง และการเก็บข้อมูลจากคนในหน่วย มากางแผ่ให้เราได้เข้าไปสัมผัสโลกของ “D.P.” ที่ไม่เคยได้สัมผัสผ่านซีรีส์เรื่องไหนมาก่อน

ถึงแม้ว่าชื่อของหน่วยล่าทหารหนีทัพนี้จะไม่ได้คุ้นหูเรา ๆ มากเท่าไหร่นัก แต่เหตุการณ์ของเหล่าทหารในเรื่องกลับคุ้นตากว่าที่คิด แถมยังรู้สึกเชื่อมโยงได้ไม่ยาก เพราะเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นใกล้ตัวอยู่ทุกเมื่อเชื่อวัน

เว็บดูหนังฟรี “D.P. หน่วยล่าทหารหนีทัพ” จะบอกเล่าเรื่องราวการปฏิบัติภารกิจไล่ล่าทหารหนีทัพ ที่อยู่ภายใต้การดูแลของ สิบโทพัคบอมกู (รับบทโดย คิมซองกยุน) ซึ่งเปรียบเสมือนเป็นผู้กุมบังเหียนออกคำสั่งและผู้ปกครองของคู่หู D.P. ที่นำทีมลุยงานภาคสนามโดย ฮันโฮยอล (รับบทโดย คูคโยฮวาน) นายทหารร้อยเล่ห์ที่เพิ่งถูกลากตัวกลับมาปฏิบัติภารกิจหลังถูกส่งไปรักษาตัวในโรงพยาบาล มาประกบกับคู่หูคนใหม่ อันจุนโฮ (รับบทโดย จองแฮอิน) ทหารเกณฑ์หนุ่มที่เพิ่งเข้ารับประจำการได้ไม่นาน ซึ่งเขาโดดเด่นด้วยการมีความอดทนเป็นเลิศ และเปี่ยมไปด้วยไหวพริบ ที่ได้มาจากการเรียนรู้หาวิธีเอาตัวรอดจากมรสุมชีวิตมาตั้งแต่เด็ก หลังประสบปัญหาทางครอบครัว

D.P. หน่วยล่าทหารหนีทัพ

แต่ยิ่งพวกเขาตามล่าเหล่าทหารหนีทัพ พวกเขาก็ยิ่งเข้าใจสาเหตุของความพยายามในการฉีกกฎข้ามรั้วลวดหนามสุดชีวิตของคนหนุ่มทั้งหลาย และได้พบว่ามีบางสิ่งบางอย่างที่ “ควรหวนคืนสู่กองทัพ” ยิ่งกว่าไพร่พลผู้หลบหนีเสียอีก

ในความยาวเพียงแค่ 6 ตอน ซีรีส์ได้พาคนดูเดินทางสำรวจไปกับเรื่องราวได้หลากหลายแง่มุม ทั้งที่มาที่ไปของบุคลิก การกระทำของตัวละคร ซึ่งนำไปสู่เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นอย่างค่อนข้างมีเหตุมีผล ให้เข้าใจความรู้สึกนึกคิดของตัวละครได้ไม่ยาก แถมยังเดินเรื่องได้สนุก ฉับไว ไม่น่าเบื่อเวิ่นเว้อ โดยความน่าตื่นเต้นยังทวีคูณในช่วงของการติดตามไล่ล่าทหารหนีทัพ ที่คู่หู D.P. ต้องปฏิบัติภารกิจซึ่งต้อง บุ๋นและบู๊ ไปในเวลาเดียวกัน กับการใช้สมอง ไหวพริบ เล่ห์กลในการตามหาเบาะแสเพื่อติดตามตัวผู้หลบหนี อีกทั้งยังต้องเผชิญหน้ากับความอันตรายกับการไล่ล่าสุดระห่ำ ในฉากแอคชั่นสุดบ้าบิ่นที่ที่ทำให้คนดูลุ้นไปยันปลายเท้า

แม้ว่าหน้าหนังของซีรีส์เรื่องนี้จะดูเดือดดาล ระห่ำ และมืดมิด แต่ซีรีส์กลับนำเสนอออกมาหลากรสหลากอารมณ์กว่าที่คาด มีทั้งการสอดแทรกมุกตลกที่หยอดเข้ามาเรื่อย ๆ ระหว่างเรื่อง ทำให้พอยกยิ้มคลายเครียดกันไปบ้าง หนังฟรี (แม้อาจจะให้ความรู้สึกตลกร้ายไม่น้อย) หรือบางครั้งก็สัมผัสได้ถึงความอบอุ่น น่าประทับใจในความสัมพันธ์ที่เกิดขึ้นในเรื่อง แต่อย่างไรก็ดี คงปฏิเสธไม่ได้ว่า “D.P.” จะทำให้ผู้ชมต้องปะทะกับความหม่นหมอง และความหดหู่ ชวนสะเทือนใจเข้าอย่างจัง พร้อมกับตีแผ่เสียดสีวงการทหารของเกาหลี ราวกับพาผู้ชมขึ้นรถไฟเหาะแห่งอารมณ์ ซึ่งทำให้ซีรีส์เรื่องนี้มีเสน่ห์ ชวนติดตามตลอดทั้งเรื่อง

หากว่ากันตามกฎหมายของเกาหลีใต้ ชายหนุ่มสัญชาติเกาหลีทุกคนต้องผ่านการปฏิบัติหน้าที่รับใช้ชาติในกรมทหาร ก่อนอายุ 30 ปี เพื่อเตรียมพร้อมสำหรับภาวะสงครามทุกเมื่อ (จะได้รับการยกเว้นเป็นบางกรณีเท่านั้น เช่น นักกีฬาที่สร้างผลงาน/ชื่อเสียงให้กับประเทศ) ดังนั้นการเข้าไปอยู่ในกรมทหารไม่ใช่เป็นการตบเท้าเข้าไปอย่างสมัครใจของทุกคนเสียทั้งหมด แค่การต้องเข้าไปอยู่เพราะเป็น หน้าที่ที่ต้องทำ’ ว่าน่าอึดอัดใจมากพอสำหรับพวกเขาแล้ว ซ้ำยังต้องไปเจอกับระบบอันหล่อหลอมให้หลายอย่างเน่าเฟะโสมม ตลอดระยะเวลาที่อยู่ในกองทัพร่วม 2 ปี ทางเลือกสุดบ้าบิ่นอย่างการ หนีทหาร’ จึงกลายเป็นฟางเส้นเดียวที่คนหนุ่มหลายคนเอื้อมมือคว้ามาเพื่อให้หลุดพ้นจากสถานที่ที่อาจเป็นดั่งขุมนรกไปได้

D.P. หน่วยล่าทหารหนีทัพ

ตัวซีรีส์จึงได้เปิดแผงฉายภาพความเน่าเฟะภายในกรมทหารอย่างตรงไปตรงมาในหลากหลายประเด็น ระหว่างการไล่ล่าหาสาเหตุที่ทำให้ทหารทั้งหลายต้องการหลบหนี ตั้งแต่ตอนแรกที่มีนายหารละเลยในหน้าที่ นำเงินในการทำภารกิจ (ซึ่งคงจะมาจากภาษีประชาชน) หนังใหม่ ไปถลุงเที่ยวเล่นตามอำเภอใจ คนบางกลุ่มมีสิทธิพิเศษในการเลี่ยงทหาร ไล่เรียงมายันถึงการใช้ความรุนแรง ทำร้ายร่างกาย ทารุณขืนใจ ซึ่งถูกทำให้เหมือนเป็นเรื่องเล่น ๆ ปกติในกรมทหาร กลายเป็นการกระทำให้ความบันเทิงของพวกเหล่ารุ่นพี่หรือนายทหารชั้นผู้ใหญ่ที่เชิดหน้าชูตา อุปโลกน์ว่าตนอยู่เหนือคนอื่น ซึ่งสะท้อนไปยังอำนาจครอบงำที่กลืนกินชุดความคิดและการปฏิบัติของคนในองค์กรแบบฝังรากลึก ที่มองมนุษย์คนอื่นเป็นที่รองมือรองเท้า จะใช้อำนาจออกคำสั่งอย่างไรก็ได้ และเมื่อคำสั่งการของผู้บังคับบัญชาการ หรือผู้ที่มียศเหนือกว่าถือเป็นประกาศิต ก็ต้องมีพวกผู้ใต้บังคับบัญชาที่เอาแต่ “ได้ครับพี่ ดีครับผม” พยายามเอาอกเอาใจหัวหน้า แบบไม่สนสิ่งที่ถูกที่ควร อีกทั้งยังมีการที่ทหารชั้นผู้ใหญ่พยายามซุกซ่อนปัญหาที่เกิดขึ้นเอาไว้ใต้พรม ราวกับว่าเรื่องอันโสมมเหล่านี้ไม่เคยเกิดขึ้น

ประเด็นสำคัญที่ “D.P.” ตั้งใจพาเราเข้าไปในเขตหลังรั้วลวดหนามก็เพื่อตีแผ่ระบบระเบียบ ปัญหาที่ถูกเพิกเฉย ฝังรากเป็นวัฒนธรรมขององค์กรที่ปรากฏเห็นเป็นเด่นชัดในทุกตารางนิ้วของฐานทัพ ตั้งแต่โรงนอนของนายทหารยศต่ำต้อย ยันไปสู่โต๊ะของผู้บังคับบัญชาอันสูงศักดิ์ แต่ไม่เคยได้รับการแก้ไข หรือแม้แต่กระทั่งได้รับความสนใจให้เป็นประเด็นชวนคิด ทั้ง ๆ ที่ประชากรชายส่วนใหญ่ของเกาหลีต้องเคยเป็นทหารกันมาค่อนประเทศ จนระเบิดออกมาเป็นคำถามในช่วงท้ายของซีรีส์ว่าจะเกิดความเปลี่ยนแปลงในกองทัพได้หรือไม่ ทั้ง ๆ ที่หลายคนก็รับรู้ แต่ปัญหาต่าง ๆ ยังอยู่ ยังคงถูกเพิกเฉย และวนลูปไม่รู้สิ้น

D.P. หน่วยล่าทหารหนีทัพ

ซีรีส์เรื่องนี้จึงถ่ายทอดออกมาด้วยความเห็นอกเห็นใจที่มีต่อมนุษย์ร่วมกัน ซึ่งถูกระบบ โครงสร้างอันบิดเบี้ยวย่ำยี ความเป็นคน’ สิทธิมนุษยชน จนต้องได้รับความเจ็บปวดทั้งทางกายและทางใจ โดยถ้าหากมองให้ดี การมีอยู่ของ D.P. นั้น ก็ทำให้ได้รู้ได้ว่าสภาพแวดล้อมในกองทัพมันเลวร้ายแค่ไหน จนต้องมีหน่วยเฉพาะเพื่อตามล่าทหารหนีทัพ ทั้ง ๆ ที่คนเหล่านี้ก็คือ มนุษย์คนหนึ่ง เขาอาจจะเป็นลูกชาย พี่ชาย หลานชาย แฟน หรือแม้กระทั่งคนใกล้ตัวของใครบางคนก็ได้ ซึ่งในส่วน Intro ของซีรีส์ “D.P.” ที่ฉายให้ได้รับชมก่อนเข้าเนื้อหาในแต่ละตอน ก็สามารถฉายภาพความเป็นมนุษย์ปกติชนของคนเหล่านี้ได้อย่างเรียบง่าย แต่ทรงพลังล้นเหลือ

D.P. หน่วยล่าทหารหนีทัพ

ซีรีส์ได้ถ่ายทอดถึงความรู้สึกที่ทุกคนเองต่างก็รู้ว่าซอกบงไม่ใช่คนผิด อย่างตอนที่นายทหารใหญ่ได้สั่งกำลังติดอาวุธไปไล่ล่าซอกบง แต่พลทหารเกิดความลังเลใจและถกเถียงกันว่าพวกเขาควรทำแบบนี้กับซอกบงหรือ เพราะทุกคนรับรู้มาตลอดว่าซอกบงนั้นคือผู้ถูกกระทำต่างหาก เขาไม่สมควรได้รับการปฏิบัติเช่นคนผิดอย่างนี้ (แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าความรุนแรงหรือการฆ่ากันจะเป็นทางออกที่ดี แต่ ณ เวลานั้นถ้าเราเป็นซอกบงเราคงสติหลุดเหมือนกัน)

ซีรีส์เรื่องนี้ไม่เพียงแต่สะท้อนถึงปัญหาที่เกิดขึ้นในกองทัพอย่างเดียวเท่านั้น เพราะว่าในช่วงเวลานี้ ที่โรงเรียน สถานศึกษา ที่ทำงาน หรือแม้กระทั่งในครอบครัวก็ยังคงมีปัญหาการกลั่นแกล้ง การทำร้ายร่างกาย ดูหนังฟรี ไม่ว่าจะทางวาจาหรือทางกายก็ตาม แต่ความจริงที่ทุกคนรู้อยู่แก่ใจคือผู้คนมากมายยังคงมีบาดแผลจากเหตุการณ์เหล่านี้ทั้งนั้น

ปัญหาเหล่านี้ยังคงฝังรากลึกอยู่ในสังคมปัจจุบันที่พวกเราอาจเมินเฉยจนอาจทำให้มนุษย์คนหนึ่งที่มีชีวิตและจิตใจเหมือนกับเราต้องมีชีวิตอยู่อย่างเจ็บปวดอย่างแสนสาหัส

จะต้องรอให้เรารู้สึกผิิดและเกลียดตัวเองเหมือนอันจุนโฮในตอนสุดท้ายก่อนหรือเปล่า หรือต้องรอให้มีชีวิตใครสักคนพังทลายต่อหน้าต่อตาเราถึงจะช่วยกันยุติปัญหาเหล่านี้ได้

นอกจากบทที่สะท้อนถึงปัญหาภายในสังคมแล้วนั้น ผู้เขียนเองก็อยากจะพูดถึงตัวละครที่ยังคงติดค้างอยู่ในใจแม้จะดูซีรีส์จบไปแล้ว สองตัวละครที่ผู้เขียนอยากจะกล่าวถึงก็คือ อันจุนโฮ ผู้แบกความรู้สึกจากการเมินเฉย และโจซอกบง เหยื่อผู้ที่ไม่เคยได้รับความยุติธรรม

ด้วยองค์ประกอบทั้งหมดนี้ รวมกับงานภาพ การตัดต่อ และเพลงประกอบที่เรียกได้ว่าเพราะจับใจเป็นพิเศษของเรื่องนี้แล้ว ทำให้ซีรีส์เรื่อง “D.P.” ถือเป็นผลงานที่น่าจดจำในปี ดูหนังออนไลน์ 2021 อีกเรื่องหนึ่งเลยก็ว่าได้ จนอยากเชิญชวนให้ใครหลาย ๆ คนมาลองมาเปิดใจรับชมอีกหนึ่งผลงานที่น่าสนใจของวงการบันเทิงเกาหลีใต้ไปด้วยกัน ซึ่งเราไม่อยากให้คุณพลาดด้วยประการทั้งปวง

ซีรีส์น้ำดีอีกเรื่องหนึ่งของปี 2021 เพราะซีรีส์เรื่องนี้ยังมีอีกหลายประเด็นและรายละเอียดยิบย่อยที่อาจไม่ได้หยิบมาพูดถึง แต่หากทุกคนได้ลองดูจนจบแล้วล่ะก็คงจะได้นั่งครุ่นคิดกับตัวเองในใจอีกหลายประเด็นอย่างแน่นอน

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *