รีวิว Move to Heaven มูฟทูเฮฟเว่น

Move to Heaven มูฟทูเฮฟเว่น

Move to Heaven มูฟทูเฮฟเว่น

เรื่องราวเกี่ยวกับอดีตนักโทษโจซังกูที่จับพลัดจับผลูกลายมาเป็นผู้ปกครองของเด็กหนุ่มฮันกือรูหลานชายของเขาที่เป็นโรคแอสเพอร์เกอร์ พวกเขาต้องดำเนินธุรกิจที่ชื่อว่า รีวิวหนัง “Move to Heaven” ด้วยกัน โดยงานนี้เป็นงานทำความสะอาดข้าวของของผู้เสียชีวิตและเก็บของสำคัญบางอย่างใส่กล่องสีเหลืองแห่งความทรงจำเพื่อมอบให้กับครอบครัวของผู้เสียชีวิต จากประสบการณ์ที่ได้พบทำให้พวกเขาได้เรียนรู้เกี่ยวกับความสำคัญของชีวิต ความตายตลอดจนความสัมพันธ์ในครอบครัว

ซีรีส์เรื่องนี้ได้รับแรงบันดาลใจจากบทความสารคดีที่เขียนโดยคิมแซบยอลโดยบทความมีชื่อว่า “Things Left Behind” ซึ่งเรื่องนี้ผ่านการกำกับด้วยผู้กำกับมือทองอย่างคิมซองโฮ ที่เคยกำกับภาพยนตร์เรื่อง “How to Steal a Dog” มาแล้ว นอกจากนี้ยังได้นักเขียนบทอย่างยุนจีรยอนที่เป็นนักเขียนบทซีรีส์ Angel Eyes มาร่วมงานอีกด้วย ขอบอกเลยว่าซีรีส์เรื่องนี้เป็นซีรีส์น้ำดีที่คุณต้องดู

หนังฟรี Move To Heaven (ย้ายสู่สรวงสวรรค์) คือชื่อบริษัทที่รับทำความสะอาดเก็บและย้ายข้าวของของคนตาย  หรืออีกนัยหนึ่งคือทำหน้าที่ทำความสะอาดที่เกิดเหตุที่มีคนเสียชีวิต  บริษัทนี้ดำเนินการโดยสองพ่อลูกคือฮันจองอู (จีจินฮี) ผู้เป็นพ่อกับฮันกือรู (ทังจุนซัง) ลูกชายผู้เป็นเด็กพิเศษที่มีความสามารถจดจำสิ่งที่เห็นได้ดังอัจฉริยะ  แต่สมองของกือรูกลับไม่ได้คิดซับซ้อนเช่นปกติคล้ายกับไร้เดียงสา  และการเก็บกวาดทำความสะอาดของสองพ่อลูกนั้นก็บอกกับผู้ชมว่าเป็นการทำด้วยความเคารพต่อผู้วายชนม์  และจะมีกล่องสีเหลืองที่เก็บของสำคัญที่มีนัยยะที่สามารถสื่อความหมาย  หรือบอกกับคนที่เป็นที่รักของผู้ตายให้สัมผัสถึงวาจาสุดท้ายที่ผู้ตายต้องการจะบอกผ่านผู้พ่อคือฮันจองอู

ทว่า  หลังจากงานล่าสุดที่สองพ่อลูกได้ทำด้วยความเคารพฮันจองอูผู้เป็นพ่อก็มาด่วนจากไป  ทิ้งกือรูอยู่เพียงลำพังโดยมีนามู(ฮงซึงฮี) เด็กสาวละแวกบ้านที่เป็นเพื่อนเพียงคนเดียวของกือรู แต่ก่อนจากไปพ่อก็ได้จัดการบางอย่างคือการตั้งผู้ปกครองกือรูที่เป็นเด็กพิเศษและคนคนนั้นคือญาติเพียงคนเดียวที่กือรูเหลืออยู่  คนคนนั้นคือชายที่เพิ่งพ้นโทษออกมาจากเรือนจำคือโจซังกู (อีเจฮุน) ผู้เป็นน้องชายต่างบิดาของพ่อมีศักดิ์เป็นอาของกือรูด้วยเงื่อนไขพิสูจน์ตัวเองสามเดือนของคุณอา

Move to Heaven มูฟทูเฮฟเว่น

เพื่อที่จะเป็นผู้ปกครองโดยชอบธรรมและสามารถจัดการทรัพย์สินของพี่ชายที่ซังกูคิดเสมอมาว่าทิ้งเขาไป หนังใหม่ และการมาอยู่ร่วมกันของสองอาหลานก็คือการเรียนรู้ตัวเองผ่านการทำความสะอาดและเก็บข้าวของของตนตายที่ใครบางคนไม่อยากทำ

ฮันกือรู (ทังจุนซัง) เด็กหนุ่มที่มีภาวะแอสเพอร์เกอร์หรือที่เรียกว่า Asperger Syndromer ซึ่งภาวะนี้เป็นภาวะที่บุคคลหนึ่งมีปัญหาในการทำความเข้าใจอารมณ์และปฏิสัมพันธ์ทางสังคม แต่คนที่มีภาวะนี้มักจะมีความจำดีกว่าคนทั่วไป

อีกทั้งยังสามารถจำรายละเอียดสิ่งที่เขาเห็นและได้ยินมากกว่าคนอื่น ๆ ฮันกือรูอาศัยอยู่กับฮันจองอู (จีจินฮี) ผู้เป็นพ่อตามลำพังเพราะแม่ของเขาเสียชีวิตไปตั้งแต่เขายังเด็ก สองพ่อลูกได้ดำเนินธุรกิจที่ชื่อ “Move to Heaven” ซึ่งงานนี้เป็นงานทำความสะอาดสถานที่เกิดเหตุ โดยทั่วไปแล้วงานของพวกเขาคือการทำความสะอาดข้าวของของผู้เสียชีวิตและเก็บของสำคัญบางอย่างใส่กล่องสีเหลืองแห่งความทรงจำเพื่อมอบให้กับครอบครัวของผู้เสียชีวิต

ฮันกือรูและฮันจองอูสามารถค้นหาความรู้สึกและเรื่องราวของผู้เสียชีวิตผ่านสิ่งของเหล่านี้ได้ ดังนั้นพวกเขาจึงไม่ได้ทำหน้าทำความสะอาดเพียงอย่างเดียวแต่ยังถ่ายทอดข้อความของผู้เสียชีวิตไปยังครอบครัวของพวกเขาหรือเรียกว่าส่งสาสน์ก่อนตายนั่นเอง ชีวิตของฮันกือรูดำเนินไปตามปกติจนกระทั่งวันหนึ่งพบว่าฮันจองอูพ่อของเขาเสียชีวิตด้วยอาการหัวใจวาย ก่อนตายฮันจองอูได้ปรึกษากับโอฮยอนจาง (อิมวอนฮี) ผู้เป็นเพื่อนและทนายความ เพื่อยกสิทธิ์การดูแลฮันกือรูให้กับน้องชายของเขาที่ชื่อว่าโจซังกู (อีเจฮุน) ซึ่งเพิ่งได้รับการปล่อยตัวจากคุกในข้อหาพยายามฆ่า นอกจากนี้ฮันจองอูยังขอให้น้องชายของเขามาเป็นพนักงานใหม่ที่ Move to Heaven เพื่อช่วยเหลือฮันกือรู

Move to Heaven มูฟทูเฮฟเว่น

ตามสัญญาที่ระบุไว้โจซังกูต้องทดลองเป็นผู้ปกครองของฮันกือรูเป็นเวลา 3 เดือน ถ้าเขาไม่ก่อปัญหาที่อาจเป็นอันตรายต่อฮันกือรูสิทธิของผู้ปกครองก็จะตกอยู่ในมือของเขาแบบเต็มตัว แม้ว่าในตอนแรกเขาจะปฏิเสธเพราะเขาเกลียดฮันจองอู แต่ในที่สุดโจซังกูก็ยอมรับเจตจำนงของพี่ชายหลังจากที่รู้ว่าเขาสามารถควบคุมทรัพย์สินที่เหลืออยู่ของพี่ชายตัวเองได้ ฮันกือรูและโจซังกูมีบุคลิกที่ตรงกันข้ามกันอย่างสิ้นเชิง เริ่มแรกพวกเขาเข้ากันไม่ได้และมักจะมีความคิดเห็นที่แตกต่างกัน อย่างไรก็ตามเมื่อเวลาผ่านไปพวกเขาสนิทกันมากขึ้นจากการดำเนินธุรกิจ เว็บดูหนัง Move to Heaven ด้วยกัน นอกจากนี้โจซังกูก็เริ่มเข้าใจความคิดเห็นของฮันกือรูและมักจะช่วยหลานชายของเขาแก้ปัญหาที่เกิดขึ้นเสมอ

อาจเป็นเพราะนี่คืองานที่สร้างมาเพื่อสตรีมโดยตรงสิบตอนรวดซึ่งก็หมายความว่าถ่ายทำรวดเดียวแล้วส่งจอ  และความได้เปรียบของส่วนนี้คือการเขียนบทที่ตั้งธงไว้ตั้งแต่ต้นจนจบแล้วเดินตามนั้นรวดเดียว  ไม่ต้องกลัวกระแสไม่ต้องคิดมากจนทำให้เรื่องเป๋กลางทางทำให้เรื่องออกมาบินสูงตั้งแต่ตอนแรก  และเป็นเช่นนั้นไปจนตอนสุดท้ายโดยที่ไม่ลดเพดานบินลงเลยแม้แต่นาทีเดียว  แม้จะมองเห็นได้ว่าไม่มีอะไรรุนแรงมาปลุกเร้าจนเห็นความเรียบเรื่อย  แต่ความเรียบไม่ได้หมายความถึงคำว่าเอื่อยเสมอไปซึ่งความเรียบแบบนี้มักจะมองเห็นได้ในงานจากญี่ปุ่น  หากแต่เมื่อปรับมาเป็นบริบทแบบเกาหลีแล้วสิ่งที่เติมเข้ามาคืออารมณ์ที่วูบวาบ

เมื่อในแต่ละเรื่องราวที่เล่ามาผ่านเบื้องหลังของชีวิตผู้จากไปล้วนมีสีสัน  แหลมคม  เพียงแต่มาในสีที่งดงามหาใช่หมองโศก  ความฉลาดของบทคือการเลือกเล่าเรื่องการค้นหาปะติดปะต่อวาจาสุดท้ายที่ผู้ตายอยากบอกใครสักคนออกมาคล้ายกับการต่อจิ๊กซอว์ของกือรู ผ่านการพยายามตีความอย่างที่พ่อเคยทำและใช้ความสามารถพิเศษของกือรูที่ส่งผลให้เรื่องเดินหน้าไปอย่างสนุกไม่ต่างจากงานสืบสวน  แน่นอนเมื่อเลือกเล่าเรื่องของความตาย  การจากไป  บ่วงและห่วง

Move to Heaven มูฟทูเฮฟเว่น

เรื่องสามารถเล่าได้ในโทนหม่นก็ได้และอาจดีไปอีกแบบแต่เมื่อเลือกจะย้ายสู่สรวงสวรรค์ซึ่งมันคือการส่งสูสุขคติ  ก็เลือกที่จะเล่าในมุมที่สวยงามให้ได้ยิ้มได้หัวเราะไม่ตึงเกินไป  และมอบบทเรียนชีวิตได้ในหลากหลายมุมมองทั้งมุมของ  พ่อ  แม่  ลูก  เพื่อน  ครู  ชีวิตคู่  กระทั่งความรักของหนุ่มกับหนุ่มที่กล้าเล่นเรื่องของเพศทางเลือก

Move to Heaven มูฟทูเฮฟเว่น

ทุกเรื่องราวไม่ว่าจะเริ่มต้นยังไงสุดท้ายก็จะสรุปด้วยความงดงาม เมื่อคนอยู่ได้เข้าใจความหมายของวาจาสุดท้ายของผู้จากไป  และที่มันปักเข้ากลางใจผู้ชมเพราะทุกเรื่องที่เล่าล้วนเล่าจากความสามัญของเรื่องสามัญ  เรื่องที่สามารถเกิดขึ้นกับใครก็ได้บนโลกใบนี้  เรื่องที่อาจมีบ้างบางเรื่องราวที่ผู้ชมบางคนได้ประสบมา  และการเสนอในแบบให้สัมผัสได้ด้วยใจว่ามันคือเรื่องธรรมดาสามัญของมนุษย์  ก็คือบทเรียนชีวิตชั้นยอดที่ไม่บีบเค้น  อีกความเยี่ยมคือพัฒนาการด้านความสัมพันธ์ที่เป็นธรรมชาติไม่รู้สึกว่าจงใจยัดเยียด  และการเปลี่ยนผ่านจากข้างในคือความเชื่อโดยหมดใจเพราะความสามัญ เว็บดูหนังฟรี และมันทำให้งานด้านบทออกมาเยี่ยมทุกอณู  ไร้ที่ติ  เพราะแม้จะมีบางคนที่ไม่มีบทสรุป  แต่เมื่อยังมีอนาคตก็อาจได้เห็นการเล่าเรื่องของการเคลื่อนย้ายครั้งสุดท้ายของใครบางคนอีกครั้ง

ด้วยความที่เห็นอิทธิพลของญี่ปุ่นมาทาบทับสิ่งที่เห็นคือการสื่อความหมายด้วยภาพและบทสนทนาและทางภาษากาย  มีบ้างที่บทสนทนาธรรมดาสามารถเรียกน้ำตาผู้ชมได้โดยไม่รู้ตัวเมื่อการจากไปของบางคนที่อาจมองว่าผู้ตายยังมีห่วง  ด้วยการตีความความรู้สึกของคนตายผ่านข้าวของที่สำคัญและมีคุณค่าทางใจ  แต่บางทีไม่ใช่แค่คนที่จากไปที่มีห่วง คนที่ยังต้องอยู่ก็มีบ่วงที่เป็นพันธนาการทางใจเช่นกันเมื่อยังมีอะไรค้างคาใจ  และการขนย้ายครั้งสุดท้ายด้วยความเคารพ  การได้มอบบางอย่างที่เป็นเครื่องยึดเหนี่ยวระหว่างผู้ตายกับคนที่พวกเขารัก  อาจเป็นเครื่องเยียวยาและปลดเปลื้องพันธนาการนั้นเพราะไม่ว่าอย่างไรก็ ไม่ควรดูถูกผู้ตายที่ไม่รู้จักตัวตนของเขา”

และมันคือสิ่งที่จับใจเมื่อวาจาสุดท้ายของผู้ตายที่ไม่มีใครรับกล่องสีเหลืองนั้น  นั่นคือไม่มีคนที่รักเหลือให้คิดคำนึงถึงจึงมอบตอนที่ประทับใจที่สุดในตอนที่หก  เมื่อการมองภาพเดียวกันแต่ตีความคนละอย่าง  การเลือกจบชีวิตไปพร้อมกันของสองสามีภรรยาผู้ชราได้มอบมุมมองบางอย่างให้ผู้ชม  ตัวละครได้เห็นอีกมุมของความรัก  เมื่อไม่ได้เกิดวันเดียวกัน แต่การได้จากโลกนี้ไปพร้อมกันก็อาจมาจากความรักที่ยิ่งใหญ่  อาจเป็นการดีที่จะไม่ได้ทิ้งใครที่ดูแลตนเองไม่ได้ไว้ข้างหลังหรือบางทีการเดินหน้าเข้าหาความตายไปพร้อมกันพร้อมกับรอยยิ้มแห่งความสุขครั้งสุดท้ายด้วยกันอาจเป็นทางที่ดีกว่า  เพราะการได้ใช้ชีวิตอยู่ด้วยความรักด้วยกันมาตลอดชีวิตก็คือของขวัญที่มีค่า

เมื่อคำว่าคู่ชีวิตมีความหมายเช่นไรในหัวใจของแต่ละคน  เมื่อคนหนึ่งจากไปแน่นอนว่าหลายคนยังต้องอยู่ต่อ  ทุกเรื่องที่ถูกเล่าที่เป็นเรื่องของสามัญชนคนแต่ทุกเรื่องราวก็เล่าถึงความรักที่ไม่ธรรมดา  ความรักและความฝันของลูกชายที่ไม่ใช่ฝันใหญ่มากมายแต่คือทุกสิ่งทุกอย่างของพ่อแม่  ความรักของครูผู้ให้ที่มีต่อเด็กๆต้องพังทลายเพราะพลาดผิดไปกับการคบคน  ความรักต้องห้ามระหว่างชายกับชายที่กำแพงอันคร่ำครึของครอบครัวและความไม่กล้านำมาซึ่งความสูญเสีย  ความรักความผูกพันระหว่างเด็กสาวที่มอบให้เด็กกำพร้าผู้น่าสงสารที่ตีแสกหน้าสังคมกลายๆ  และอีกหลายเรื่องราวที่แฝงไว้อย่างลงตัวแต่ทุกเรื่องราวทุกมุมมองท่านปฏิเสธได้หรือไม่ว่า  สามารถเกิดขึ้นกับมนุษย์คนใดบนโลกได้ทั้งสิ้น

ห่วงของผู้จากไปคืออะไรบ่วงที่คล้องคอคนที่ต้องอยู่ต่อคืออะไร ก็ใช่ที่บทเล่าเรื่องความรักที่หลากหลายในตลอดเวลาสิบตอนได้อย่างมีพลัง ดูหนังฟรี แต่แก่นของเรื่องที่แท้จริงนั้นอาจเป็นห่วงของผู้จากไปคือฮันจองอูและบ่วงที่พันธนาการคนที่อยู่ข้างหลังคือกือรูลูกชายและซังกูน้องชาย  ความละเมียดละไมของบทในส่วนของแก่นแท้คือจุดเริ่มต้น พัฒนาการและความเปลี่ยนผ่านจากภายใน  แรกเริ่มหลังจากการจากไปของจองอูผู้เป็นพ่อที่ดูแลลูกด้วยความรักความเข้าใจเสมอมา  และผู้ชมสัมผัสได้ว่ากือรูสามารถใช้ชีวิตต่อไปได้โดยไม่มีพ่อ  แต่การแต่งตั้งน้องชายที่ไม่มองหน้ากันมาเป็นผู้ปกครองลูกที่เป็นเด็กพิเศษจุดเริ่มต้นคล้ายกับเป็นเช่นนั้น

ทว่าเมื่อเวลาล่วงผ่านพัฒนาการของบทก็บอกกับผู้ชมว่าแท้จริงแล้วห่วงที่มีหลังการจากไปของจองอูมิใช่กือรูแต่คือน้องชายผู้ไม่รู้จักโตและดำเนินชีวิตแบบไร้ราก ที่สำคัญ คือน้องชายที่พลัดพรากและเข้าใจเขาผิดเสมอมา  กลายเป็นว่าห่วงของผู้ตายคือความเข้าใจพี่ชายครั้งสุดท้ายของผู้เป็นน้อง  น้องชายที่คนจากไปรักสุดหัวใจและยังห่วงหาอาลัย และสองพยางค์ละลายหัวใจก็เป็นแค่เรื่องธรรมดากับคำว่า ไนกี้” ที่ทำให้ซึงกูรู้ว่าที่ผ่านมาพี่ชายของเขาเจ็บปวดขนาดไหนกับการที่ไม่ได้ดูแลน้องชายที่เขารักและนี่คือห่วงของผู้จากไปใช่หรือไม่  และกลายเป็นว่าการตั้งซึงกูมาเป็นผู้ปกครองกือรูกลายเป็นความจงใจให้กือรูดูแลอาและช่วยให้อาได้เปลี่ยนผ่านได้เติบโตอย่างที่ควรเป็น

กระนั้นแม้หากห่วงของพ่อคืออาแต่ความที่สมองกือรูไม่ซับซ้อนทางอารมณ์  บ่วงของคนที่อยู่กลับกลายเป็นตัวกือรูที่ยังไม่อาจปล่อยพ่อให้จากไป  เขายังคงยึดติดและไม่เปิดใจ  จนในที่สุดพัฒนาการก็ทำให้ผู้ชมสัมผัสได้เมื่อเห็นความเป็นครอบครัวชัดขึ้น  อากลายเป็นคนในครอบครัวและสะเทือนใจในตอนที่แปดกับการตามหาอาที่หายไป  จนเมื่อถึงเวลา สองอาหลานก็ได้เปิดทุกอย่างต่อกัน  มันจึงถึงเวลาแล้วที่กือรูจะได้ปล่อยพ่อที่เขารักเคลื่อนย้ายไปสู่สวรรค์  เพราะถึงที่สุดความปรารถนาของพ่อที่มีต่อกือรูคือการที่กือรูเรียนรู้ที่จะปล่อยมือ  แล้วบทสรุปก็คือห่วงของผู้ตายได้ปลดปล่อย  และบ่วงของคนอยู่ก็ได้ปลดเปลื้องแล้ว  เพราะ ตราบใดที่จดจำได้ เขาจะไม่มีวันจากไป”

เมื่อเรื่องปลีกย่อยที่เล่าคือเรื่องที่สามัญที่สุดการแสดงก็ต้องสามัญที่สุด ต้องทำให้ผู้ชมเชื่อทั้งใจในความเป็นตัวละครนั้นๆ  ความเยี่ยมของการคัดตัวนักแสดงในเรื่องนี้คือบทกือรู เมื่อการเลือกเอานักแสดงที่ชื่อยังไม่ติดหูภาพยังไม่ติดตามารับบทคนที่มีความพิเศษให้ผู้ชมเชื่อได้โดยเป็นธรรมชาติ  และการเลือกเอาทังจุนซังมารับบทกือรูคือสิ่งที่พิเศษเมื่อผู้ชมไม่รู้สึกว่าถูกบังคับให้เชื่อว่านี่คือเด็กพิเศษ ประกอบกับความสามารถเฉพาะตัวของนักแสดงหรืออาจรวมถึงมาตรฐานของผู้กำกับด้วยก็คงใช่  จึงมอบคาแร็คเตอร์กือรูที่น่าจดจำทำให้ทังจุนซังคือผู้เล่นทรงคุณค่าของเรื่องได้ เพราะทังจุนซังสามารถพาเรื่องเดินไปข้างหน้าโดยมีเขาเป็นแกนด้วยทุกอารมณ์

ซึ่ง  คงไม่เกินไปนักที่จะบอกว่าทังจุนซังได้เจอกับบทพลิกชีวิตเข้าแล้วเมื่อการแสดงในเรื่องนี้คือการแสดงในระดับที่ต้องยกย่อง  และยังเห็นพลังดาราความสามารถในระดับที่ผู้ชมต้องรัก  ส่วนอีเจฮุนนั้นอาจมอบตำแหน่งผู้ชายมากหน้าให้เมื่อได้ผ่านตาการแสดงของเขามาพอสมควรในหนังและซีรีส์  และทุกบทบาทการแสดงไม่มีเรื่องไหนที่หย่อนมาตรฐานสำหรับเรื่องนี้แม้ว่าถ้ามองดีๆบทของกือรูได้ยกระดับบทของซังกูของอีเจฮุนขึ้นมาด้วยแรงดึงดูด  เพราะบทซึงกูคือพระจันทร์ที่ต้องโคจรรอบดวงดาวที่ชื่อกือรูเป็นตัวสนับสนุน  แต่หากไม่ได้การแสดงของอีเจฮุนก็อาจไปไม่ถึงดวงดาวทั้งคู่ก็เป็นได้

ส่วนอีกคนที่เป็นตัวละครที่ดึงอารมณ์ของผู้ชมให้สว่างคือความน่ารักสดใสของตัวละครนามูของฮงซึงฮีที่อาจมีบ้างที่มองเห็นเงาของโกอารา แต่เธอก็ยังรับผิดชอบหน้าที่ในการเป็นพลังบวกให้กับเรื่องอย่างดี  กับอีกคนที่เป็นตัวคุมเกมที่สมบูรณ์คือจีจินฮีที่อบอุ่นอ่อนโยน  ด้วยการเล่าเรื่องปลีกย่อยหลากหลายจึงเปิดโอกาสให้มีนักแสดงรับเชิญมากมายระดับเบอร์ใหญ่ทั้ง อีแจอุค , ซูยองหรืออีเร และคนอื่นๆที่คุ้นหน้าส่วนจะมาตอนไหนให้ไปพิสูจน์เอง  และทุกคนก็คือส่วนผสมกลมกล่อมที่ทำให้เรื่องนี้ออกมาละมุนละไม  และดนตรีประกอบที่เน้นอารมณ์ของตัวละครและผู้ชมอย่างได้ผล  เพราะงานด้านภาพสื่อความหมายและออกมาสวยคมแม้จะเล่าถึงเรื่องของความตายก็ตาม ดูหนังออนไลน์

ซีรีส์เรื่องนี้คือภาพสะท้อนของความโดดเดี่ยว ก็ใช่ หรือจะบอกว่าซีรีส์เรื่องนี้คือตัวแทนความอบอุ่นที่หาได้เพียงแค่เปิดใจมอง ก็ใช่อีก คนเขียนบทนี่ยังไงนะ ถึงสามารถสานต่อเรื่องราวออกมาได้พอเหมาะพอเจาะ และควบรวมสองอารมณ์เข้าด้วยกันอย่างกลมกลืน กือรู ยืนอยู่บนฐานะของเด็กพิเศษ ที่ไม่เพียงแต่มีความสามารถในการจดจำสิ่งที่เขาสนใจเท่านั้น แต่มีความสามารถในการจดจำสิ่งต่าง ๆ ที่ได้พบ ได้เห็นและได้ยินอย่างแม่นยำและไม่ลืมเลือน ประหนึ่งเครื่องบันทึกความทรงจำกันเลย

ภาพสะท้อนที่ซีรีส์ใส่เข้ามาในทุก ๆ Ep สามารถแยกอารมณ์เราเป็นสองฝั่งอย่างเรียบง่าย เราสามารถรู้สึกอบอุ่นอย่างประหลาด ไปกับความสัมพันธ์ของตัวละคร ไม่ว่าจะเป็น กือรูกับพ่อ กือรูกับโจซังกูููผู้เป็นอา หรือกือรูกับ ‘ยุนนามู’ (ฮงซึงฮี) เพื่อนบ้านฝั่งตรงข้ามที่รักและเป็นห่วงกือรูดุจกัลยาณมิตร ที่สอดส่องทุกเรื่องของกือรู แต่ในอารมณ์อบอุ่นที่พร่างพราวอยู่ตลอดทั้งเรื่อง กลับมีอีกอารมณ์หนึ่งที่เล่นล้อเคียงข้างดุจเงาตามตัว และทำให้จุกแน่นในอก คือความโดดเดี่ยว อ้างว้างและการถูกทอดทิ้ง จากการเกิดและมีของบริษัทรับจ้างเก็บกวาดบ้านของผู้ที่เสียชีวิตเพียงลำพัง ซึ่งมีอยู่จริง ๆ ในญี่ปุ่นและเกาหลี

ซีรีส์เล่นกับประเด็นสังคมที่บอกว่า เราต่างถูกทอดทิ้งและเราเองยังเป็นหนึ่งในคนที่ทอดทิ้งใครบางคนให้อยู่ข้างหลังเสียเอง ความคาดไม่ถึงของเรามีส่วนทำให้สังคมนี้ โดยเฉพาะสังคมเมืองที่มีการแข่งขันกลายเป็นสังคมสมัยใหม่ที่แห้งแล้ง โดดเดี่ยว การจากไปของเพื่อนบ้าน หรือแม้แต่ความรู้สึกของคนข้าง ๆ ไม่ใช่สิ่งที่น่าสนใจมากเพียงพอสำหรับเรา เราต่างละเลยมัน

ทุกวันนี้เราดูแลกันดีแล้วจริงเหรอในฐานะของพลเมือง ในฐานะของเพื่อนมนุษย์ เราไม่รู้เลยว่า มีคนมากมายถูกโดดเดี่ยวและพวกเขาต้องพบกับความโศกเศร้ามากแค่ไหน กลายเป็นซอกหลืบแห่งความเป็นมนุษย์ที่ไร้คนสนใจ เรามองแต่เรื่องฉาบฉวย แม้ว่าเขาจะใช้ชีวิตอยู่ข้าง ๆ เรานี่เอง ในทุก ๆ ตอนของซีรีส์มีสาส์นเหล่านี้อยู่อย่างเต็มล้น แตกต่างกันที่สีสันและเรื่องราวที่นำเสนอในแต่ละตอน ที่มันช่างกินใจเท่านั้นเอง

ถึงกือรูจะใช้ชีวิตอยู่กับพ่อเพียงลำพัง แต่ตลอดเวลาพ่อจะสอนให้กือรูเรียนรู้สิ่งต่าง ๆ ไม่เพียงแต่การช่วยเหลือตัวเองได้ดี แต่มากไปกว่านั้นก็คือการอยู่ร่วมกับคนในสังคมได้โดยที่อาการ ‘แอสเพอร์เกอร์’ ไม่ใช่ปัญหาใหญ่ หนำซ้ำความสามารถพิเศษที่กือรูมีกลับช่วยให้งานของพ่อราบรื่น และมีความหมายมากขึ้นไปอีก เพราะการบริการของ ‘Move to Heaven’ คือความใส่ใจที่สังคมยังต้องการและ กือรู ใส่ใจมันมากถึงขีดสุด

ซีรีส์เล่นกับปมสังคมที่เพื่อนมนุษย์ต่างถูกหลงลืม ผสมไปกับอารมณ์ของการสืบสวน ไขคดี แต่เสิร์ฟออกมาในรูปแบบของการ ‘ไขข้อความ’ หรือ ‘สาส์น’ ที่ผู้ตายทิ้งเอาไว้ผ่านข้าวของที่หลงเหลืออยู่ เพื่อรอคอยคนพิเศษสักคนมาส่งต่อสาส์นสุดท้ายที่ไม่ทันได้เอ่ย หรือเปิดเผยให้ใครบางคนได้รับรู้ เป็นการปลดเปลื้องเรื่องที่ติดค้างในใจของคนคนหนึ่ง ทั้งผู้ที่ล่วงลับไปแล้วและผู้ที่ยังมีชีวิตอยู่ การคลี่ปมต่าง ๆ ในเรื่องจะส่งผ่านรูปแบบความสัมพันธ์ที่แตกต่าง ของแต่ละชีวิตที่เป็นเมนของแต่ละตอน ไปพร้อม ๆ กับความสัมพันธ์อา-หลาน ที่ต่างกันสุดขั้ว แต่ขาดกันไม่ได้ในที่สุด

เป็นซีรีส์ที่มีความอบอุ่นระคนเศร้า เจ็บในอกแต่ก็อบอุ่นอยู่ลึก ๆ และหน่วงใจมากขึ้นไปอีกไปกับเรื่องราวที่ตัวละครต้องพบเจอ แต่ก็ยังยิ้มและหัวเราะได้กับสายสัมพันธ์ ความรัก ความห่วงใยที่อบอวลอยู่รายรอบจนกลายเป็นซีรีส์ที่ทำให้คนดูเดี๋ยวก็ยิ้ม เดี๋ยวก็ซึ้ง

 

 

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *