รีวิว Navillera ดั่งผีเสื้อร่ายระบำ

Navillera ดั่งผีเสื้อร่ายระบำ

Navillera ดั่งผีเสื้อร่ายระบำ

รีวิวซีรีเกาหลีส์ ชายวัย 70 ผู้มีความฝัน และหนุ่มวัย 23 ผู้มีพรสวรรค์ ช่วยเหลือกันและกันจากความจริงอันโหดร้าย สู่ฝันการเป็นนักบัลเลต์อาชีพ

Navillera ดั่งผีเสื้อร่ายระบำ

เมื่อพูดถึงการตามหาความฝันของชีวิต หนังฟรี ในความคิดของคนส่วนใหญ่น่าจะนึกถึงวัยหนุ่มสาว-วัยทำงานที่ยังมีไฟยังมีแรงในการจะทำอะไรสักอย่างอย่างเต็มเปี่ยม แต่ในซีรีส์ที่ให้กำลังใจผู้ชมได้ดีอย่างเรื่องนี้ ดูหนังออนไลน์ กลับชูเรื่องราวการมุ่งมั่นทำตามความฝันของคุณตาคนหนึ่ง ดูหนังฟรี ที่ด้วยภาระหน้าที่ซึ่งต้องเลี้ยงดูครอบครัวตั้งแต่วัยหนุ่มจึงทำให้สมัยนั้นมัวแต่ทำมาหากินจนเก็บพับความฝันของตนเองไว้ในมุมเงียบของหัวใจ แต่แล้วเมื่อถึงในวัยเกษียณตอนนี้ซึ่งลูกหลานเลี้ยงดูตัวเองได้แล้ว คุณตาก็ทั้งพร้อมและทั้งอยากที่จะทำตามสิ่งที่หัวใจตัวเองเรียกร้องมานานแสนนาน … นั่นคือการเต้นบัลเลต์

ชิมด็อกชุล ในวัย 70 ปี ที่ผ่านการทำงานหนักเพื่อครอบครัวมาอย่างยาวนานตลอดวัยหนุ่มจวบวัยเกษียณด้วยความภาคภูมิใจ ในวันนี้ที่นอกจากจะเป็นสามี, เป็นพ่อ และเป็นคุณตาของหลานสาวที่กำลังก้าวเข้าสู่ชีวิตการทำงาน

นับจากนี้ ควรจะเป็นช่วงเวลาที่เขาได้พักผ่อน ใช้ชีวิตเรียบง่าย กับภรรยาคู่ทุกข์คู่ยากและมิตรสหายวัยเดียวกันไปกับกิจกรรมของผู้สูงวัย อย่างที่คนอื่น ในวัยเดียวกันเขาทำกัน หากไม่ได้เจ็บไข้ได้ป่วยต้องรักษาตัว หรือรอวันสุดท้ายของชีวิตอยู่ในโรงพยาบาล

ชิมด็อกชุลเองก็เคยคิดอย่างนั้น แต่หลังจากผู้คนในชีวิตค่อยๆ หายไปตามกฏเกณฑ์แห่งธรรมชาติทีละคน ทีละคน และเพราะการจากไปของเพื่อนรักที่สุดคนหนึ่งกับการโหยหาความฝันที่ไม่อาจเป็นจริงจวบจนวาระสุดท้ายของชีวิต ความสะเทือนใจนั้นได้สะกิดเตือนความฝันที่แทบจะถูกกลบฝังไปหมดแล้วของชิมด็อกชุลให้ตื่นขึ้นอีกครั้ง ความฝันที่อยู่กับเขามาตั้งแต่วัยเด็กและไม่เคยมีโอกาสจะได้ทำตามใจปรารถนาแม้แต่สักครั้งเดียว

Navillera ดั่งผีเสื้อร่ายระบำ

ความฝันไม่มีอายุ

เสียงดนตรีคลาสสิคที่ได้ยิน พาให้ชิมด็อกชุลก้าวเท้าไปจนพบกับที่มาแห่งเสียงเพลง ผ่านประตูกระจกเข้าไปในสตูดิโอกว้างใหญ่แลขรึมขลังด้วยพื้นไม้และกระจกเงารอบด้าน ชายหนุ่มคนหนึ่งกำลังร่ายรำพลิ้วไหว บางจังหวะลอยละล่องอยู่กลางอากาศ

อีแชรก ชายหนุ่มวัย 23 ปี ที่กำลังจะเข้ามาเปลี่ยนชีวิตที่ซึมเซาของคุณตาวัย 70 ปีคนนี้ หรือจะพูดให้ชัดเจนกว่าก็คือ  คุณตาชิมด็อกชุลพาตัวเองเข้ามาหาคนที่จะช่วยผลักดันความฝันให้เป็นความจริง เมื่อผีเสื้อที่นอนสงบนิ่งของคุณตาได้กระหยับปีกโบยบิน แม้จะเป็นครั้งเดียวในชีวิตกับการได้ร่ายรำบัลเลต์อยู่บนเวทีการแสดง

คุณตาวัย 70 ปี กับการเต้นบัลเลต์ ที่แทบจะมองไม่เห็นหนทาง กว่าที่คุณตาจะฝ่าด่านฝ่าแผงกั้นที่เรียกว่า “เป็นไปไม่ได้” มาได้ ด้วยเหตุผลบางอย่าง คีซึงจู อดีตนักบัลเลต์ผู้เก่งกาจประสบความสำเร็จสูงสุดคนหนึ่งในวงการ แต่ชีวิตหักเหก็เพราะบัลเลต์ ตกลงยินยอมให้คุณตาได้มาเรียนบัลเลต์ ตั้งแต่พื้นฐานเริ่มต้น โดยมีอีแชรกเป็นคุณครู แลกกับการที่คุณตาจะต้องรับผิดชอบติดตามอีแชรกในฐานะผู้จัดการ

อีแชรก ก็ไม่ได้มีเส้นทางที่โรยด้วยกลีบกุหลาบ ชีวิตลำบากมามาก แม่ผู้เป็นอดีตนักบัลเลต์จากไปด้วยความป่วยไข้ พ่อเป็นโค้ชฟุตบอลที่พลาดผิดจนต้องไปชดใช้ในเรือนจำ แชรกเติบโตมาลำพัง ต้องทำงานสารพัดเพื่อเลี้ยงดูตัวเอง และไล่ตามฝันครั้งใหม่บนเวทีบัลเลต์ แต่สิ่งที่พ่วงมาเหมือนลูกตุ้มเหล็กคอยฉุดลากเขา คือผลพวงจากความพลาดผิดของพ่อ มันมาในนามของ เพื่อนเก่า ที่ไม่รู้จักก้าวข้ามเรื่องแย่ไปหาเรื่องดีที่รออยู่ในชีวิตข้างหน้า เอาแต่ก่นด่าโชคชะตาและหาแพะรับบาป

Navillera ดั่งผีเสื้อร่ายระบำ

คุณตาชิมด็อกชุล (รับบทโดย พัคอินฮวัน) และภรรยา ชเวแฮนัม (รับบทโดย นามุนฮี) มีลูกด้วยกัน 3 คน คนโตและคนเล็กสุดเป็นผู้ชายและมีลูกสาวเป็นคนกลาง พี่ชายคนโต ชิมซองซัน (รับบทโดย แจแฮคยอน) เปรียบเสมือนเสาหลักของครอบครัวมีหน้าที่การงานและครอบครัวที่มั่นคงพร้อมลูกสาว 1 คน ชิมอึนโฮ (รับบทโดย ฮงซึงฮี) เด็กสาวที่เพิ่งจบใหม่และกำลังอยู่ระหว่างฝึกงานเพื่อรอสัมภาษณ์ในรอบสุดท้าย ระหว่างการฝึกงานเธอได้เข้าไปทำงานในภัตตาคารอาหารแห่งหนึ่งจนได้พบกับ อีแชรก (รับบทโดย ซงคัง) ที่ทำงานเป็นพนักงานพาร์ทไทม์ที่นั่นด้วยเช่นกัน

ด้านลูกสาวคนกลาง ชิมซองซอก (รับบทโดย คิมซูจิน) แต่งงานกับนักการเมืองระดับท้องถิ่นที่ยังไม่สมหวังในเส้นทางการเมืองมากเท่าไหร่และลูกชายคนเล็ก ชิมซองกวัน (รับบทโดย โจบ๊กแร) ที่เคยเป็นแพทย์แต่ตอนนี้หักมุมตามหาความฝันด้วยการถือกล้องพร้อมเดินหน้าถ่ายทำสารคดีโดยไม่ฟังเสียงต่อต้านจากทุกคนในครอบครัว

วันหนึ่งเมื่อ คุณตาชิมด็อกชุล เดินผ่านและเหลือบไปเห็นโรงเรียนสอนเต้นบัลเลต์ทำให้คุณตาหวนนึกถึงความฝันวัยหนุ่มที่ทุกคนพร่ำบอกว่าให้พับความฝันนั้นเก็บเอาไว้เพราะภาระหน้าที่มากมายพร้อมความไม่เหมาะสมที่มีบรรทัดฐานบางอย่างซึ่งใครไม่รู้เคยกำหนดไว้ แต่เมื่อคุณตาได้ฟังคำจากเพื่อนที่เพิ่งล้มหายตายจากไปคนหนึ่งซึ่งก่อนจะจากไปเพื่อนได้ย้ำว่าให้เขาทำตามความฝันให้ได้ซักครั้งหนึ่งก่อนจะจากโลกนี้ไป คุณตาจึงตัดสินใจเดินไปที่โรงเรียนสอนเต้นบัลเลต์แห่งนั้นและในที่สุดก็ได้ อีแชรก ซึ่งเป็นนักบัลเลต์ฝีมือดีอยู่ที่แห่งนั้นมาเป็นคุณครูสอนบัลเลต์ให้คุณตา

เล่าเรื่องผ่านการเต้น

แน่นอนว่าการที่ คุณตาชิมด็อกชุล มาเต้นบัลเลต์ย่อมไม่ได้เป็นที่เห็นด้วยจากคนรอบข้าง 100% เพราะลูกบางคนคิดว่ามันน่าอายที่ให้คุณตาแก่ ๆ มาใส่ชุดบัลเลต์รัดติ้วและเต้นโชว์บนเวทีหรือไอ้ความคิดที่ว่าพ่อแม่ที่เกษียณควรจะไม่ทำอะไรเลยอยู่บ้านเฉย ๆ ใช้เงินที่ได้มาจากลูกแล้วพักผ่อนในช่วงบั้นปลายของชีวิตอย่างสุขสบายดีกว่าเถอะ แต่ความสุขของมนุษย์แต่ละคนมันไม่เหมือนกัน ดังนั้นแกจึงเลือกที่จะนำความฝันซึ่งแอบซ่อนในมุมมืดของหัวใจแกมานานแสนนานออกมาเพื่อเติมเต็มวัยอาวุโสที่นับวันก็ยิ่งเริ่มว่างเปล่าขึ้นเรื่อย ๆ และสิ่งที่ได้กลับมาจากการได้เข้าไปเรียนเต้นบัลเลต์ครั้งนี้ของคุณตา มันได้อะไรมามากกว่าการได้เต้นบัลเลต์แน่นอน

การใช้ ศิลปะการเต้นบัลเลต์ มาเป็นตัวเชื่อมโยงมิตรภาพอันงดงามระหว่าง คุณตาชิมด็อกชุล กับ หนุ่มนักเต้นบัลเลต์ผู้มีแววดีอย่าง อีแชรก ถือว่าเป็นตัวเลือกที่ฉลาดมากของผู้แต่ง บัลเลต์แน่นอนว่ามันดูไม่ค่อยจะได้เดินทางไปพร้อมกับวัยผู้เฒ่าผู้แก่มากซักเท่าไหร่และบอกได้เลยว่าก่อนซีรีส์ออกอากาศยังคิดภาพไม่ค่อยออกว่าคุณตาจะเต้นออกมาในรูปแบบประมาณไหน แต่หลังจากที่ได้รับชมครบจบในช่วง 4 ตอนแรกเป็นที่เรียบร้อยแล้วขอบอกได้เลยว่าผสมองค์รวมแล้วซีรีส์มีรสชาติกลมกล่อมโดยรวม หอมหวานแต้มร้อยยิ้มในบางโอกาส ซึ้งตราตรึงอิ่มเอมใจน้ำตาเอ่ออยู่บ่อยครั้ง และสะท้อนภาพของครอบครัวตัวเองในหัวสมองอยู่หลายพาร์ท …. ที่สำคัญมันสนุกมาก

ทีมนักแสดงนำ ซงคัง – พัคอินฮวัน – นามุนฮี – ฮงซึงฮี และอีกมากมายขอบอกว่าเป็นทีมที่ฝีมือดีแบบหายห่วง ขอชมเพิ่มเติมว่าท่วงท่าของ ซงคัง ในการถ่ายทอดบทบาทนักเต้นบัลเลต์มืออาชีพ อีแชรก นี้เจ้าตัวทำได้เนียนมากจนนึกว่าเรียนมาก่อนหน้านี้นานแล้ว แต่ช่วงหนึ่งจากบทสัมภาษณ์ในงานแถลงข่าว ซงคัง เผยว่าเขามีโอกาสได้เข้าเรียนการเต้นบัลเลต์ก่อนถ่ายทำเพียง 6 เดือน ด้วยเวลาที่จำกัดนี้เอง แทนที่เขาจะเน้นหนักไปที่การเต้นแบบมืออาชีพ เขาตัดสินใจที่จะมุ่งไปที่การเต้นด้วยท่าทางและร่างกายที่สวยงามพร้อมการแสดงออกทางสีหน้าที่มีอารมณ์ร่วมกับการแสดงให้ได้มากที่สุด และใช่ค่ะ เขาทำมาถูกทางแล้วเพราะซงคังแสดงออกมาได้เหมือนนักเต้นบัลเลต์มืออาชีพจริง ๆ

Navillera ดั่งผีเสื้อร่ายระบำ

การที่เนื้อเรื่องเล่นกับเรื่องความฝันของตัวละครชายต่างวัยต้องมาอยู่ด้วยกัน ออกแนวมิตรภาพต่างวัยก็โดยไม่มีเลิฟไลน์มาเกี่ยวข้องให้วุ่นวาย ก็เท่ากับว่าเรื่องต้องเน้นเล่าเรื่องอาชีพบัลเลต์จริงจังมากกว่าอย่างอื่น ซึ่งตัวบัลเลต์เองก็เป็นศิลปะการแสดงที่จัดว่าเข้าถึงได้ยาก แม้แต่วงการภาพยนต์หรือซีรีส์เองยังไม่ค่อยมีเจาะลึกบัลเลต์สักเท่าไหร่ (ก่อนนี้มีของเน็ตฟลิกเรื่องเดียวคือ Tiny Pretty Things) ด้วยความยากของการหานักแสดงที่ต้องรูปร่างหน้าตาต้องได้ การเข้าฝึกบัลเลต์จริงๆ ให้พร้อมกับการแสดงก็ไม่ใช่เรื่องง่ายๆ ซึ่งซงคังก็ผ่านการฝึกมาเกินครึ่งปีเพื่อมารับบทนี้ แต่ไม่ใช่แค่ซงคังที่ต้องฝึก คุณลุงพัคอินฮวานก็เช่นกัน เพราะในเรื่องนี้คือการที่คุณลุงอดีตอาชีพบุรุษไปรษณีย์วัย 70 ต้องมาฝืนสังขารร่างกายฝึกร่างกายให้เล่นบัลเลต์เพื่อแสดงจริงบนเวทีได้ ไม่ใช่แค่การฝึกเล่นๆ ซึ่งการแสดงของทั้งคู่ที่ออกมาก็ดูสมจริงทั้งอีแชรกที่ดูมีพรสวรรค์เก่งอยู่แล้ว กับคุณลุงที่เริ่มไต่เต้าพื้นฐานใหม่ ทำให้คนดูเอาใจช่วยทั้งคู่ได้จริงๆ เรียกว่าสอบผ่านเลยกับความสมจริง และความเข้มของเรื่องราวบัลเลต์ในเรี่องที่ไม่ใช่ง่ายๆ

แม้ในส่วนของพาร์ทบัลเลต์กับมิตรภาพสองวัยจะออกมาดี แต่ในพาร์ทอื่นของเรื่องกลับดูเหมือนพยายามใส่ปมดราม่าเข้ามามากมายจนดูล้นๆ ตั้งแต่การให้พระเอกมีปมปัญหาในอดีตที่ยังไม่ได้เปิดเผยในตอนแรกๆ ทั้งเรื่องพ่อกับเพื่อน และในส่วนของครอบครัวคุณลุงเองก็มีปัญหาหลายอย่างเช่นกัน โดยเฉพาะลูกชายคนเล็กที่แยกขาดออกไปจากครอบครัว อึนโฮนางเอกของเรื่องก็มีปมปัญหาเรื่องการทำความฝันขัดแย้งกับพ่อที่ขีดไว้  ตัวเรื่องใส่ตัวละครสมทบให้มีเส้นเรื่องย่อยๆ เข้ามาในเรื่องเยอะมาก อาจจะเพื่ออุดเนื้อหาของบัลเลต์ที่ยังมีไม่มากพอก็ได้ ซึ่งเรื่องนี้มีแค่ 12 ตอนจบเท่านั้น

ซีรีส์เรื่องนี้สร้างจาก Webtoon

ซีรีส์เรื่องนี้สร้างจาก Webtoon โยนักเขียนฮัน&จีมิน  ซึ่งเป็นที่นิยมขนาดหนุ่มวี BTS ยังเป็นแฟนคลับติดตามอ่าน เสียน้ำตากันมาแล้วค่ะ เรื่องราวบอกเล่าถึงหนุ่มคนหนึ่ง อีแชรก ( รับบทโดยซงคัง ) หนุ่มวัย 23 ปี ที่ฝันอยากจะเต้นบัลเล่ต์ แต่ต้องเก็บความฝันไว้ในใจเมื่อปัญหาทางบ้านนั้นหนัก จนเขาได้มาเจอกับ ชิมด็อกชุล บุรุษไปรษณีย์วัย 70 ปี ที่มีเวลาอยู่บนโลกนี้ไม่นาน แต่เขากลับอยากจะทำสิ่งใหม่ ๆ รวมไปถึงการเริ่มเต้นบัลเล่ต์ แม้ว่าครอบครัวจะไม่เห็นด้วยก็ตาม แต่ความฝันของคนเรา มันไม่มีอายุเป็นตัวกำหนด สองคนสองคนได้มาเจอกันในช่วงเวลาที่ความฝันดูเหมือนเป็นสิ่งที่เป็นไปไม่ได้ แต่ก็ได้รับการผลักดันจากหนุ่มชราว่า คนเราต้องคว้ามันให้ได้ อย่ามัวใช้ชีวิตโดยที่ละทิ้งความฝันไป

ซีรีส์ 12 ตอนจบที่สร้างจากเวบตูน ถ่ายทอดเรื่องชีวิต ความผิดพลาด ความหวัง และความฝัน ได้อย่างอบอุ่นหัวใจอีกเรื่อง  ซีรีส์ที่เล่าเรื่องเรื่อยๆ ไม่มีจังหวะเร้าหรือต้องลุ้นจนเหงื่อแตก แต่ดีกรีความซึ้ง จะไต่ระดับขึ้นเรื่อยๆ ต่อให้บ้านไหนไม่มีพ่อแม่ปู่ย่าตายายอยู่แล้ว แต่วันหนึ่งเราทุกคนจะแก่ และเป็นพ่อแม่ปู่ย่าตายายของใครสักคน

นอกจากการได้เต้นบัลเลต์บนเวทีสักครั้งในชีวิตของคุณตาชิมด็อกชุลจะเป็นความฝันแรกในชีวิตแล้ว ยังมีเหตุผลอะไรอีกหรือไม่ที่ผลักดันคุณตามาถึงจุดนี้

Navillera ดั่งผีเสื้อร่ายระบำ

พล็อตเรื่องที่บอกเล่าผ่านคนสองรุ่นที่ทำผลักดัน โอบกอด ให้กำลังใจ เพราะในโลกที่วุ่นวายนั้น บางครั้งเราต้องการคำแนะนำจากคนที่เคยผ่านชีวิตมาแล้ว อีแชรกจึงเป็นตัวละครที่สามารถบอกเล่าเรื่องราวของวัยรุ่นอีกหลาย ๆ คนที่ละทิ้งความฝันไป พล็อตเรื่องดีมาก ๆ ให้ข้อคิดที่ดี ภาพก็สวย แถมหนุ่มซงคังด้วยความที่ฝึกหนักมา ต้องปรบมือให้กับการกล้าที่จะรับบทนี้ และนักแสดงรุ่นใหญ่วัย 70 อย่าง พัคอินฮวาน การแสดงดีไม่มีที่ติ แต่ด้วยความที่อายุมาก และต้องมารับบทเต้นบัลเล่ต์ ถือว่าท้าทายและยอมใจสปิริตจองนักแสดงรุ่นใหญ่จริง ๆ

มิตรภาพคนสองวัยโดยมีบัลเลต์กับความฝันสู่การเป็นมืออาชีพมาเป็นแรงผลักดัน เรื่องราวดูอบอุ่น มีมิตรภาพที่เกิดขึ้นจากคนละ Gen ต่างมุมมองเชื่อมเข้าหากัน แต่ปมรองอื่นๆ ที่ยัดเข้ามามากมาย แล้วยังมีตัวละครหยิบย่อยต่างเส้นเรื่องทำให้เรื่องดูอึดๆ และก็ไม่รู้สึกจูงใจให้ดูเท่ากับเรื่องราวของสองตัวละครหลักในเรื่องที่โฟกัสกับการเล่นบัลเลต์อย่างจริงจัง

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *