รีวิว Turning Red เขินแรง แดงเป็นแพนด้า

Turning Red

เมื่อการเลี้ยงดูทำให้เธออยู่ในกรอบที่ครอบครัววาดฝันไว้ กำลังบีบให้เธอปลดปล่อยสัตว์ร้ายในตัวออกมา TURNING RED แอนิเมชันเรื่องใหม่จาก Disney และ Pixar พร้อมพาคนดูออกจผจญภัยไปกับเรื่องราวสุดว้าวุ่นของสาวน้อยวัย 13 ปี เมยหลิน ที่ใช้ชีวิตในรั้วโรงเรียนตามใจอยากกับแก๊งเพื่อน แต่เมื่ออยู่ต่อหน้าแม่ เธอต้องใช้ชีวิตอยู่ในกรอบเป็นเด็กสาวที่เพอร์เฟกต์อย่างที่แม่ของเธอหวัง แต่แล้วชีวิตสองโลกของเธอก็ต้องพบกับ วิกฤตเมื่อเช้าวันหนึ่งเธอตื่นขึ้นมาในร่างของแพนด้าแดง! และมันเกี่ยวพันกับการสืบทอดจากรุ่นสู่รุ่นของครอบครัวเธอ รีวิวหนัง

เรื่องราวของ เม่ยลี่ เด็กหญิงวัย 13 ปี ที่กำลังก้าวข้ามไปสู่วัยรุ่นเต็มตัว แต่ปรากฏว่าเธอได้ต้องคำสาปอันแปลกประหลาด แปลงร่างกลายเป็นหมีแพนด้าได้ ทุกครั้งเมื่อเธอรู้สึกตื่นเต้นและกระวนกระวายใจ เธอจึงต้องหาวิธีแก้ไขคำสาปที่ไม่อยากได้ในครั้งนี้ และเมื่อล่วงรู้ว่านี่คือคำสาปโบราณที่ตระกูลของเธอสืบทอดกันมาอย่างยาวนาน

ดูหนังฟรี Turning Red (เขินแรงแดงเป็นแพนด้า) ภาพยนตร์อนิเมชั่น 3 มิติแนวแฟนตาซีตลกและข้ามผ่านวัย (Fantasy and Coming of Age) กำกับโดย Domee Shi งานอนิเมชั่นเรื่องยาวของเธอครั้งแรกหลังคว้าออสการ์จากอนิเมชั่นสั้น 8 นาที Bao สู่เรื่องราวของความเจริญวัยของเด็กสาวกับความวุ่นวาย และเช่นเดียวกับ Luca ภาพยนตร์เรื่องนี้ย้ายจากโรงลงสู่ดิสนีย์พลัส ได้รับคำวิจารณ์ในแง่บวกอย่างล้นหลาม พร้อมเสียงพากย์จาก อ๊ะอาย กรณิศ หรือ อ๊ะอาย 4EVE

Turning Red

เม่ย หลิน เด็กสาวอายุสิบสามปี ลูกสาวคนเดียวในครอบครัวคนจีนที่เต็มไปด้วยความรับผิดชอบในฐานะคนดูแลศาลเจ้าจีนประจำตระกูล ในเมืองโทรอนโต ประเทศแคนาดา หมิง แม่ของเธอพยายามให้เธออยู่ในกรอบ

กระทั่งวันหนึ่งเธอตื่นมาพบว่าตัวเองกลายเป็นแพนด้าแดงเวลาที่ตื่นเต้นสุดขั้ว เธอจึงได้รับรู้ว่าครอบครัวของเธอมีความลับอะไรบางอย่างที่เก็บงำไว้มานับตั้งแต่บรรพกาล แต่นั่นไม่วุ่นวายเท่ากับวงดนตรีที่เธอหลงใหลกำลังจะมาเปิดการแสดงที่แถวบ้าน เธอต้องตัดสินใจว่า จะเป็นลูกสาวอย่างที่แม่เธอต้องการ หรือเป็นเด็กสาวธรรมดาของเหล่าเพื่อนติ่งสุดก๊วนปั๊วะปังปุริเย่ ก่อนที่ดวงจันทร์สีเลือดจะมาถึงและเธอจะไม่สามารถคืนร่างเดิมได้อีกต่อไป ดูหนังออนไลน์

ถือเป็นอนิเมชั่นที่มีงานภาพแปลกตามากสำหรับพิกซาร์ จริง ๆ พิกซาร์ก็เริ่มฉีกงานภาพมาตั้งแต่ Luca ที่ให้ภาพสไตล์อิตาลีแบบเรื่อย ๆ แต่งานนี้เป็นสไตล์จีนอเมริกันที่เดินเรื่องไว ตรงไปข้างหน้า แต่ไม่ได้รีบจนตามไม่ทัน ผสมผสานกับมุกตลกที่อาจจะไม่ขำก๊ากอะไรมากแต่ก็ทำให้เรื่องราวดูเพลินในช่วงแรกของเรื่อง แต่ช่วงกลางมันค่อนข้างจะเรื่อยเปื่อย

เพราะหนังให้เงื่อนไข แต่ไม่ได้กดดันสถานการณ์ตัวละครขนาดนั้น เลยกลายเป็นการวางตัวละครองอื่น ๆ ให้มีบทบาทควบคู่กับตัวเอกเพื่อปูไปสู่องค์สุดท้ายที่ทำให้พูดได้เต็มปากว่ากล้ามาก ฉีกมาก ที่เคยคิดไว้ผิดหมดและกลายเป็นส่วนที่ทรงพลังที่สุดที่ใครได้ดูมีต้องได้เสียน้ำตา อาจจะไม่ได้หักมุมหรือฉีกแบบเวอร์วังแบบที่คาดไว้ เพราะหนังมีพื้นฐานค่อนข้างไม่แน่นหรือแปลกมากสักเท่าไหร่ แม้หนังเฉลี่ยพื้นที่ระหว่างรากฐานของเรื่อง คือ ความร่วมสมัยแบบปี 2002 ผสมกับวัฒนธรรมแบบจีนที่นำเสนอออกมาได้อย่างลงตัวกับการเล่าเรื่อง แต่ภาพรวมกลับค่อนข้างธรรมดา ไม่รู้ว่า ถ้าไม่ได้องค์ที่ 3 มาช่วย หนังอาจจะแทบไม่มีอะไรใหม่เลย

ตัวละครของเรื่องหลัก ๆ มีความน่าสนใจมาก ทั้ง เม่ย หลิน ที่ภาพลักษณ์คือสาวสุดคูลในหมู่เพื่อน แต่เมื่ออยู่กับแม่ เธอก็กลายเป็นลูกสาวตามระเบียบของครอบครัว ทำให้เราได้เห็นมุมมองว่าเธอคือเด็กผู้หญิงคนนึงที่ดูธรรมดา แต่ก็มีปัญหาคาใจที่ต้องผ่านไปตามประสาลูกสาวคนจีนที่ถูกคาดหวังและเมื่อไม่เป็นตามที่คาดหวัง เธอจึงกลายเป็นระเบิดเวลาที่ถูกสร้างขึ้นมาจาก หมิง แม่ของเธอ ที่ฝังความคิดความอ่านว่าเธอจะต้องสมบูรณ์แบบ จนสุดท้ายมันได้ทำให้ความสัมพันธ์ครอบครัวค่อย ๆ หนังฟรี

Turning Red

แตกสลายโดยไม่รู้ตัว สองตัวละครนี้ต้องขับเคี่ยวกันระหว่างกระแสน้ำ รากฐานความหัวโบราณของผู้ใหญ่+จีน กับ ความทันสมัยของเด็กสาววัยแรกแย้มที่ต้องเผชิญหน้าความเปลี่ยนแปลงทั้งความรู้สึกต่อเพศตรงข้าม ความสนุกสนานกับผองเพื่อนที่มีคาแร็คเตอร์คอยซัพพอร์ทเธอ และอาจจะไม่ได้สำคัญกับเส้นเรื่องเหมือนตัวละครแม่ลูก แต่ก็มีฉากที่น่าจดจำเหมือนกันในแง่การพัฒนาของตัวละคร

ส่วนที่น่ายกย่องและดันให้เรื่องนี้ขึ้นสู่จุดที่ยอดเยี่ยม คือประเด็นของเรื่องที่เกี่ยวกับความกดดันจากครอบครัว อาจจะไม่ได้แปลกใหม่ แต่พอผนวกสิ่งที่หนังต้องการจะสื่อกับความเป็นพิษของครอบครัวคนจีน มันเลยขับเน้นว่า

หนังใหม่ ผู้หญิงในครอบครัวคนจีนต้องแบกรับความคาดหวังครอบครัวไว้ จนทำให้เกิดรอยแยกระหว่างครอบครัวที่เชื่อว่า ครอบครัวคนจีนในไทยหลายครอบครัวอาจจะเป็นแบบนี้ มันไม่ใช่เรื่องแฟนตาซี แต่เป็นเรื่องจริงที่ถูกขับเน้นว่า เราพยายามมากเท่าไหร่

ดีเยี่ยมมากแค่ไหน ถ้าครอบครัวไม่หยุดคาดหวังในตัวเรา วันใดวันนึงเราพลาด เราอาจทำร้ายจิตใจกันเองโดยไม่รู้ตัว

จงอย่าฝืนตัวเอง เราปล่อยใจตัวเองเหมือนสายน้ำ เป็นตัวของตัวเองแบบที่เราอยากเป็น ยืนหยัดด้วยตัวเอง มั่นใจว่าไม่มีใครสมบูรณ์แบบ มีทั้งด้านดีและด้านไม่ดีเมื่อเราเติบโตเข้าสู่วัยใหม่ เหมือนกับแพนด้าแดงในเรื่องที่อาจจะมาในตอนที่เรารู้สึกแย่กับชีวิต แต่ถ้าเรารู้จักเรียนรู้ทั้งอารมณ์ ความต้องการของเรา มันจะสามารถอยู่กับเราได้ ซื่อสัตย์ในความรู้สึก กับเพื่อนกับครอบครัว เพราะไม่มีใครบังคับควบคุมเราได้ นอกจากตัวของเราเอง จงละทิ้งกรอบที่ขังเรา

Turning Red

แล้วออกมาเป็นตัวเองให้สุดไปเลย เพราะฉะนั้นไม่ว่าครอบครัวจะเป็นยังไง จะให้เคารพในกันและกันมากแค่ไหน จะเป็นเพศอะไร อย่าลืมเคารพในตัวเอง เพราะการเคารพตัวเอง ก็คือการเคารพบรรพบุรุษเช่นเดียวกัน

ส่วนของงานภาพก็คือความสีสันสดใสร่วมสมัย แต่มีกลิ่นอายของยุค 2000 ร่วมสมัยที่ทำให้ใครหลายคนคิดถึง การเคลื่อนไหวที่เป็นธรรมชาติและไหลลื่น แบบงานอนิเมชั่นที่ควรจะได้ฉายในโรง จนเสียดายที่หนังถูกย้ายมาฉายในสตรีมมิ่ง เพราะภาพรวมคืองานที่มีคุณภาพมาก ทั้งดนตรีที่กระหึ่มและเพลงประกอบที่ชวนให้นึกถึงวง Nsync

หรือพวก Backstreet Boys ที่ดันมาเข้ากันได้กับวัฒนธรรมแบบคนจีนที่ดูแล้วไม่น่าจะมาอยู่ในหนังเรื่องเดียวกันได้ แต่วิสัยทัศน์ของผู้กำกับก็ทำให้เห็นแล้วว่า นี่คืองานที่มีความแปลกแหวกและมีเอกลักษณ์เป็นของตัวเอง ในส่วนของเสียงพากย์ไทยถือว่าดีตามมาตรฐานของดิสนีย์ แม้จะแคสดารามาพากย์ แต่อ๊ะอาย กรณิศ ก็คือความคร่ำหวอดในวงการบันเทิง เธอพากย์เสียงได้อย่างเป็นธรรมชาติ มีอารมณ์ร่วม และทำให้เรารู้สึกถึงความเป็นเด็ก แม้ว่าตัวจริงของเธอจะอายุเพียง 16 ปี แต่น้ำเสียงของเธอก็สะกดให้เรามีอารมณ์ร่วมได้ไม่ว่าจะตอนตลก ตอนเศร้า หรือตอนโกรธ ไหนจะยังมี เปเป้ จากวง Red Spin ที่มีน้ำเสียงเป็นเอกลักษณ์มาร่วมให้เสียงพากย์ตัวละครหนึ่งในเรื่องด้วย

Turning Red

เว็บดูหนัง ผลงานการกำกับหนังใหญ่เรื่องแรกของ “โดมี ชี” นักแอนิเมเตอร์มือดีจากพิกซาร์ ที่เคยเดบิวต์ได้อย่างน่าประทับใจจากหนังการ์ตูนสั้น อย่าง “Bao” เมื่อกลายปีก่อน และชิ้นงานนั่นเองก็เป็นหนึ่งในจุดเริ่มต้นแรงบันดาลใจในการสร้างสรรค์หนังยาวเรื่องนี้ออกมานั่นเอง และเธอก็เป็นผู้ที่อยู่เบื้องหลังในการจัดสรรโครงเรื่องในหนังดังๆ อย่าง “Toy Story 4” หรือ “The Good Dinosaur” ที่เป็นจุดเด่นที่ทำให้เธอผูกเรื่องได้อย่างแข็งแกร่งด้วย

หนังที่มีโครงเรื่องสไตล์ coming of age ของกลุ่มเด็กสาวที่กำลังเติบโตเข้าสู่วัยรุ่น พวกเธอมีประเด็นที่สามารถพูดคุยกันได้ไม่รู้จักเบื่อภายในกลุ่มก้อนของตัวเอง โดยเฉพาะเรื่องหนุ่มๆ ที่มักจะเป็นเรื่องซุบซิบตามประสาวัยฮอร์โมนพุ่งพล่าน หรือจะเป็นเรื่อง “ติ่ง” กลุ่มศิลปินบอยแบนด์ ที่นับว่าเป็นสิ่งที่อยู่คู่กับเด็กสาวในช่วงวัยนี้แห่งยุคมิลเลนเนียม (2000s) และหนังก็สามารถนำทุกๆ อย่างมาปรุงแต่งออกมาได้มีอรรถรสที่ลงตัว

หนังมีโครงเรื่องและสตอรี่ที่ค่อนข้างแข็งแรงแล้ว ตามเสน่ห์ของหนังพิกซาร์ที่มักจะเน้นความสำคัญในเรื่องนี้เป็นหลัก จึงทำให้องค์ประกอบอื่นๆ ก็มาเสริมความสนุกให้กับหนังได้ไปตลอดทั้งเรื่อง โดยเฉพาะเอกลักษณ์ในตัวละครต่างๆ ทุกตัวในหนังเรื่องนี้ ที่มีการออกแบบมาได้มีกลิ่นความเป็นเอเชียได้อย่างเข้าใจถ่องแท้ เพราะเป็นการกลั่นกรองไอเดียมาจากคนเอเชียเป็นหลัก จึงทำให้มิติตัวละครต่างๆ ทำออกมาได้เข้าถึงวัฒธรรมได้ดีกว่า

แน่นอนว่าในเมื่อหนังเดินหมากทางนี้แล้ว ไฮไลต์ประเด็นความสัมพันธ์และสายใยครอบครัวก็ยังคงเป็นเส้นเรื่องที่ยืนหนึ่งของหนังเรื่องนี้ และ Turning Red ก็ถือว่าทำออกมาได้ค่อนข้างน่าพอใจและใช้ได้เลยทีเดียว แม้ว่าจะออกไปในทางสูตรสำเร็จกับเรื่องราวเห็นต่างระหว่างแม่กับลูก เราอาจจะได้กลิ่นอายความเป็น Freaky Friday เบาๆ จากในหนังเรื่องนี้ แต่ก็นับว่าเป็นสูตรสำเร็จที่ยังคงเวิร์กที่จะนำมาใช้ได้อยู่

โปรดักชั่นดีไซน์ของหนังเรื่องนี้สัมผัสได้ถึงสีสันที่ฉูดฉาด ถึงแม้ว่าจะไม่ได้มีงานแอนิเนมชั่นอะไรที่โดดเด่นมากนัก แต่การลงรายละเอียดต่างๆ ในหนังเรื่องนี้ถือว่าทำได้ดี โดยเฉพาะงานออกแบบในเมนูอาหารจานต่างๆ เรียกได้ว่าพิถีพิถันมากๆ สร้างสรรค์ออกมาได้น่าทานเหมือนกับอาหารจานโปรดที่น่าลิ้มลองจริงๆ และการใช้โทนสีของหนังก็ถือว่าทำได้ดี สื่อสารออกมาถึงผู้ชมได้อย่างหอมปากหอมคอ

อีกหนึ่งจุดที่เป็นเสน่ห์ของ Turning Red ก็น่าจะเป็นวัฒนธรรมความป็อปในหนัง เพราะหนังเรื่องนี้มีฉากหลังเป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นช่วงในต้นๆ ยุคปี 2000s ที่ตอนนั้นเพลงป็อปแดนซ์สนุกสนานยังครองตลาด และหนังก็หยิบเอากลิ่นอายนี้มาใช้ได้อย่างดี รวมทั้งใส่รายละเอียดที่น่าสนใจในยุคนั้นเข้ามาสอดแทรกได้อย่างลงตัว ทำให้ชวนคิดถึงยุคที่โลกยังไม่ได้รู้จักกันโทรศัพท์มือถืออย่างแพร่หลายเท่าวันนี้

อนิเมชั่นสีสันสดใส ภาพสวย ดูสนุก ดูเพลิน และเข้าขั้นเข้าว่าดีเลยล่ะ กับการนำเสนอวัฒนธรรมจีนอเมริกันในงานอนิเมชั่นที่หน้าฉากดูเป็นหนังสูตรสำเร็จ แต่ช่วงท้ายกลับดีเยี่ยมและทรงพลังอย่างน่าประหลาดใจ แม้ว่าภาพรวมการเล่าเรื่องจะไม่ได้โดดเด่นเท่าประเด็นในเรื่องสักเท่าไหร่ เว็บดูหนังฟรี

เป็นผลงานจากพิกซาร์อีกเรื่องที่ค่อนข้างน่าพอใจและประทับใจในระดับที่ดี แม้ว่าจะยังไม่ใช่ผลงานระดับมาสเตอร์พีชอะไร แต่การที่พิกซาร์มาหยิบจับเอาวัฒนธรรมฝั่งโลกตะวันออกมาผสมผสานและชูเรื่องเป็นโครงหลักเช่นนี้ ก็ถือว่าพวกเขาทำออกมาได้ค่อนข้างลึกซึ้งกว่าที่ผ่านมา ก็เป็นหนังแอนิเมชั่นครอบครัวแฟนตาซี ที่ดูไปก็ยิ้มไปและซาบซึ้งไปได้ในคราวเดียว

เป็นภาพยนตร์แอนิเมชั่นที่มาครบทั้งแพคเกจ เนื้อเรื่องดี เพลงเพราะ ๆ นอกจากรอยยิ้มที่จะติดค้างอยู่ที่ริมฝีปากแล้วยังทิ้งอะไรให้เราได้ขบคิดต่ออีกนิด ว่าแล้วแพนด้าแดงในตัวของเราซ่อนตัวอยู่ที่ไหนบ้างหรือเปล่า และเราได้โอบกอดมันบ้างแล้วหรือยัง

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *