การสูญเสียอย่างไม่ทันตั้งตัวนำพาเรื่องราวของแบล็ค แพนเตอร์สู่ทิศทางที่คาดไม่ถึง ในหนังภาคต่อ เต็มไปด้วยความทะเยอทะยาน
แต่ในขณะเดียวกันก็อัดแน่นไปด้วยอารมณ์ ละเอียดอ่อน มีความเป็นส่วนตัวสูง พร้อมผลักดันให้ทุกคนมูฟออนและก้าวต่อไป ดูหนังใหม่ชนโรง
นับตั้งแต่วิธีแรกหนังถ่ายทอดความรู้สึกสับสน กระวนกระวาย บีบหัวใจดั่งภาพสะท้อนของทีมงานและแฟนๆมาร์เวล ที่ต่อการจากไปอย่างไม่มีการหวนกลับมาของ Chadwick Boseman ตอกย้ำจุดยืนของเหล่าผู้สร้าง ว่านี่ไม่ใช่แค่การสานต่อเรื่องราวและรายได้ netflixแนะนำ
รีวิวหนัง Black Panther : Wakanda Forever สิ่งที่แฟนมาร์เวลทั่วโลกตั้งตารอ
เหตุผลที่สำคัญที่แฟน ๆ ทั่วโลกต่างคาดหวังมากที่สุดก็คือ การจากไปของนักแสดงเจ้าของบทบาท แบล็ก แพนเธอร์ อย่าง แชดวิก โบสแมน (Chadwick Boseman) ด้วยโรคมะเร็งลำไส้ใหญ่
แม้ว่าเรื่องราวหนังเดี่ยวของราชาเสือดำจะยังคงเดินหน้า แต่ด้วยการจากไปของนักแสดงที่แจ้งเกิดและเป็นที่รักของคนทั้งโลกนั้นถือว่าเป็นการสูญเสียที่ยิ่งใหญ่เกินกว่าจะรับไหว จนขนาดที่ เควิน ไฟกี (Kevin Feige) ได้ตัดสินใจชัดเจนว่าไม่แคสต์นักแสดง
และไม่ใช้ CGI เนรมิตฝ่าบาททีชัลลาคนใหม่ ก็ยิ่งสร้างความสงสัย คาดเดา และคาดหวังไปต่าง ๆ นานาว่า Marvel จะขับเคลื่อนเรื่องราวของแบล็ก แพนเธอร์
ในแบบที่ไม่มีโบสแมน ไม่มีทีชัลลาได้อย่างไร แล้วใครจะเข้ามาสืบทอดตำแหน่ง แบล็ก แพนเธอร์ คนใหม่กันแน่
ไรอัน คูเกลอร์ (Ryan Coogler) ผู้กำกับ และ โจ โรเบิร์ต โคล (Joe Robert Cole) ผู้เขียนบทร่วมกับคูเกลอร์จากภาคแรก กลับมาร่วมกันถ่ายทอดเรื่องราวของชาววาคานด้า
ทีแรกตัวบทจะต่อเรื่องราวของทีชัลลา ในฐานะกษัตริย์แห่งวาคานด้า หลังจากใน ‘Avengers: Endgame’
แต่ด้วยการจากไปของโบสแมน ตัวหนังก็เลยเบนเข็มไปสำรวจเรื่องราวของการถ่ายทอดวัฒนธรรมของวาคานด้า ตัวละคร และความวุ่นวายหลังจากการเปิดประเทศสู่โลกภายนอกจากภาคแรกแทน
โดยจะเล่าเรื่องจากเหตุการณ์หลังการสวรรคตของกษัตริย์ทีชัลลา (Chadwick Boseman) ทำให้ ราชินีรามอนดา (Angela Bassett)
ต้องขึ้นนั่งบัลลังก์แทน แต่สุดท้ายพระองค์ก็ไม่ได้เถลิงราชย์ได้ง่ายดายนัก เจ้าหญิงซูริ (Letitia Wright) เองก็ยังคงรับมือกับการจากไปของพี่ชายไม่ได้
สถานการณ์ของ Black Panther : Wakanda Forever
เรื่องเริ่มต้นด้วยสถานการณ์ระส่ำระสาย เมื่อวากันด้าต้องเสียประมุขอย่างทีชัลล่าไป ราชินีรามอนด้า และเจ้าหญิงชูรี จึงต้องนำพาประเทศให้รอดพ้นภัยการคุกคามจากชาติมหาอำนาจที่ต้องการไวเบรเนียม
และศัตรูใหม่ที่เข้ามาอย่าง เนมอร์ ผู้ปกครองอาณาจักรทาโลคานใต้มหาสมุทร ผู้ชมจึงต้องมาลุ้นกันว่าชาววากันด้าจะร่วมมือกันรับมือทั้งความโศกเศร้าและศึกรอบด้าน และก้าวไปข้างหน้าได้อย่างไร
จุดเปลี่ยนของภาพยนตร์เรื่องนี้ คือการจากไปอย่างกะทันหันของ แชดวิก โบสแมนในปี 2020 ก่อนการถ่ายทำ ทำให้ผู้กำกับอย่าง ไรอัน คูเกลอร์
ต้องปรับเปลี่ยนบทภาพยนตร์ใหม่ ซึ่งสะท้อนผ่านการเดินทางของตัวละครที่ต้องปล่อยวางจากอดีต และเติบโตจนยอมรับการเริ่มต้นใหม่
ส่วนตัวละครใหม่อย่างเนมอร์ที่เป็นผู้เผยโลกใต้น้ำของมาร์เวลออกมาให้ชมเป็นครั้งแรก แต่ทั้งนี้ก็มีการเปลี่ยนบริบทจากคอมมิก ซึ่งเดิมทีเนมอร์นั้นเป็นชาวเมืองแอตแลนทิสมาเป็นทาโลคาน
อาณาจักรใหม่ที่มีกลิ่นอายของวัฒนธรรมแอซเท็คในภาพยนตร์เรื่องนี้ ซึ่งนอกจากจะสร้างความแตกต่างจากอควาแมนของค่ายดีซี ยังเพิ่มความลุ่มลึกเชิงประวัติศาสตร์และวัฒนธรรมให้กับเมืองสมมุตินี้
การบอกเล่าเรื่องราวภาคแรก
ภาคแรกที่เล่าเรื่องหนักให้ออกมาสนุกและได้สาระ ครั้งนี้ ผู้กำกับแสวงหาเรื่องราวเพื่อจะไปต่อ หลังการเปิดตัววาคานด้ากับชาวโลก และสูญเสียกษัตริย์ทีชัลล่าจนไม่มีผู้ใดกลัวเกรง
ส่งผลให้เกิดเหตุขโมยไวเบรเนียมขึ้น แม้ชาววาคานด้าจะป้องกันได้ดีแค่ไหน ก็ไม่พ้นว่ามีคนคิดค้นเครื่องมือค้นหาไวเบรเนียมขึ้นมาจนได้ ทำให้บางสิ่งที่ไม่คาดคิดต้องเกิดขึ้น
เผ่าพันธุ์ที่เคยหลบซ่อนจากชาวโลกมาตลอดเฉกเช่นเดียวกับวาคานด้า พวกเขากำลังเดือดร้อนจากการรุกรานของมนุษย์บนพื้นดิน ผู้นำของพวกเขา คนที่ไม่ใช่กษัตริย์หรือแม่ทัพ พวกเขาเรียกขานว่า คุคุลคาน
แท้จริงเขามีอีกหนึ่งชื่อเรียก เนมอร์ (Tenoch Huerta) เทพนาคาขนนกผู้มีพลังเหนือมนุษย์ อาศัยในน้ำได้ บินก็ได้ แถมมีพลังมหาศาล เขามายื่นคำขาดให้ชาววาคานด้าส่งตัวนักวิทยาศาสตร์ที่คิดค้นเครื่องมือให้ภายในเวลา ไม่งั้นจะส่งกองทัพมาบุกยึด
แม้ผู้นำวาคานด้าจะทำตามที่เนมอร์ต้องการทั้งหมดไม่ได้ แต่พวกเขาก็ยินดีจะไม่เปิดเผยการมีอยู่ของพวกเขาเผ่าพันธุ์คนใต้ทะเลลึกแก่ชาวโลก
ขณะเดียวกัน พวกเขาก็ต้องเลือกว่าจะนำตัวนักวิทยาศาสตร์ไปส่งให้เผ่าใต้ทะเลดีหรือไม่ หากไม่ส่งก็เสี่ยงที่วาคานด้าจะมีภัยเช่นกัน
อันที่จริง มันดูจะเป็นปัญหาที่ใหญ่สำหรับวาคานด้า เผ่าพันธุ์ใหม่ที่จะเปิดตัวนี้มีพลังมากพอจะสั่นคลอนอาณาจักรอันเจริญรุ่งเรืองแห่งนี้ได้แน่ หากก็มองเห็นบทลงเอยได้ง่ายเช่นกัน เพียงแต่ระหว่างนั้น
พวกเขาอาจยังโศกเศร้าและรู้สึกผิดจนมองไม่เห็นก็เท่านั้นเอง อีกด้าน ก็มีบางจุดที่ชวนตะขิดตะขวงใจว่าทำไมเผ่าพันธุ์ที่ชาญฉลาดขนาดนั้นถึงมองไม่เห็น จนเป็นเหตุของสงครามที่ไม่จำเป็นต้องเกิดขึ้น
หนังภาคต่อที่ปราศจากนักแสดงนำ
การทำหนังภาคต่อของหนังที่ประสบความสำเร็จที่ว่ายากแล้ว การทำหนังภาคต่อโดยปราศจากนักแสดงนำของเรื่องนั้นยากยิ่งกว่า เพราะมันไม่ใช่แค่ภาวะกดดันที่ต้องรับมือ
แต่ทุกคนทั้งทีมงาน นักแสดง และผู้ชมต่างต้องรับมือกับความสูญเสียและความเศร้าโศกให้ได้ด้วย จึงเป็นหนังที่ค่อนข้าง emotional หรือเต็มไปด้วยอารมณ์สำหรับเรา มันเหมือนเราทุกคนกำลังหลงทาง
ตัวหนังเองก็หลงทางและสูญเสียตัวตนเสี้ยวหนึ่งไป ทำให้ความรู้สึกของเรา ณ ขณะดู มันเหมือนกำลังนั่งอยู่บนรถไฟเหาะแห่งอารมณ์
เป็นหนังที่ครบรส ทั้งดราม่า คอเมดี้ และแอ็คชั่น แต่ก็ต้องยอมรับว่า บางทีมันตัดสวิงอารมณ์เกินไป ปรับอารมณ์ไม่ทัน เข้าใจได้ว่าหนังก็อยากจะพาเราไว้ทุกข์ ไว้อาลัย และในขณะเดียวกัน ก็อยากจะพาทุกคน move on และสร้างความบันเทิงในแบบฉบับของจักรวาล MCU
รีวิว Black Panther : Wakanda Forever หลังรับชม
แม้เส้นเรื่องหลัก จะไม่มีอะไรยุ่งยากและซับซ้อนเกินความเข้าใจของคนดู แต่ภายใต้การดำเนินเรื่องตลอด 2 ชั่วโมง 41 นาที กลับสร้างอิทธิพลต่อความรู้สึกของผู้ชมได้อย่างล้นเหลือ
สำหรับประเด็นที่เห็นได้ชัดเจนจากในเรื่อง คงหนีไม่พ้นการเมืองประเทศวาคานด้า ที่กำลังตกอยู่ในช่วงเวลาที่เปราะบางและอ่อนแอที่สุด ภายใต้การนำทัพของราชินี Ramonda ที่ไม่มีแม้แต่เวลาให้เศร้าโศกต่อการจากไปของลูกชาย
เสริมทัพผู้นำประเทศด้วยตัวละครหลักอีกตัว ในบทน้องสาวกษัตริย์ T’Challa อย่าง Shuri ที่ไต่ระดับความโดดเด่นมาได้จากภาคก่อนค่อนข้างมาก
ซึ่งทั้งตัวละคร Ramonda และ Shuri ต่างก็แบกรับภาระและหน้าที่อันทรงเกียรติ ภายใต้แรงกดดันมหาศาลที่เกิดขึ้นอย่างไม่ทันได้ตั้งตัว
การดำเนินเรื่องส่วนใหญ่ ภาค 2 จะเน้นไปที่การอาลัยต่อนักแสดงผู้เป็นที่รักของแฟนคลับอย่าง Chadwick Boseman ทั้งในพาร์ทที่แสดงให้เห็นถึงการลาจาก และพาร์ทที่โชว์ด้านมูฟออนจากความเศร้าโศก
พลังหญิงที่โดดเด่น
“แองเจลา บาสเซตต์”, “ลูพีตา ญองอ” และ “ดาไน กูริรา” 3 ทหารสาวผู้โดดเด่นในหนังเรื่องนี้ และเป็นตัวละครสมทบที่ช่วยขับเคลื่อนและบังคับทิศทางของหนังเอาไว้ได้ค่อนข้างดี เป็นส่วนเสริมที่แข็งแรงและเป็นแขนขาที่พยุงหนังทั้งเรื่องไว้ได้อย่างพอใจ
อีกทั้งการเปิดตัวของ “ดอมีนีก ทอร์น” ในฐานะฮีโร่ตัวใหม่ในเรื่องนี้ ถึงแม้ว่าจะไม่ใช่การเปิดตัวที่โดดเด่นอะไร แต่ก็ยังเป็นการแนะนำที่ไม่หวือหวาและเรียกความน่าสนใจได้ดีระดับหนึ่ง
ประเภท: แอคชั่น / ผจญภัย / แฟนตาซี
ผู้กำกับ: ไรอัน คูเกลอร์
นำแสดงโดย: เลทิเทีย ไรท์, แองเจลา บาสเซตต์, ลูพีตา ญองอ, ดาไน กูริรา
ความยาว: 161 นาที
กำหนดฉายในไทย: 9 พฤศจิกายน 2022 (ในโรงภาพยนตร์)