สวัสดีค่ะและในวันนี้เราจะมา รีวิวหนัง Gran Turismo GT แกร่งทะลุไมล์ เป็นภาพยนตร์แนวแอ็คชั่นดราม่าผจญภัย ที่ได้แรงบันดาลใจมาจากนักแข่งรถมืออาชีพที่มีชื่อเสียงอย่าง Jann Mardenborough ผ่านการเล่าเรื่องราวของเขาจากเด็กวัยรุ่นธรรมดาคนหนึ่งที่กลายมาเป็นนักแข่งรถมืออาชีพ หนังชนโรงแนะนำ
gt แกร่งทะลุไมล์ เรื่องจริง สร้างมาจากเรื่องจริงของโปรเจ็กต์ GT Academy ที่เปิดโอกาสให้ผู้เล่นและนักแข่งได้แสดงทักษะ เข้าค่ายมาเพื่อฝึกฝนตัวเองให้เป็นนักแข่งรถมืออาชีพ
รีวิวหนัง Gran Turismo GT แกร่งทะลุไมล์ ภาพยนตร์เรื่องนี้เป็นเรื่องราวการเติมเต็มความปรารถนาของผู้เล่น Gran Turismo เมื่อเหล่าวัยรุ่นผู้มีทักษะการเล่นเกม ได้เอาชนะการแข่งขันรายการ Nissan เพื่อเทิร์นโปรเป็นนักแข่งรถมืออาชีพจริง ส่วนเรื่องราวต่อจากนี้จะเป็นอย่างไร ติดตามต่อได้ที่รีวิวข้างล่างนี้ได้เลยค่ะ หนังชนโรง
รีวิวหนัง Gran Turismo GT แกร่งทะลุไมล์ ผลงานกำกับโดย Neill Blomkamp
เมื่อพูดถึง Neill Blomkamp ที่เคยกำกับมาทั้ง District 9, Elysium และ Chappie ที่ล้วนแต่เคยฉายที่เมืองไทยด้วยกันทั้งนั้น ก่อนที่จะไปกำกับหนังสั้นสักพัก แม้จะหวนกลับมาทำหนังยาวอย่าง Demonic แต่ก็ยังไม่ดีเท่าที่ควร
จนมาถึงเรื่องนี้ที่เขาจะมาแก้มืออีกรอบ พร้อมทั้งได้ Jason Hall และ Zach Baylin มาเขียนบท และอำนวยการสร้างโดย Columbia Picture, PlayStation Productions และ 2.0 Entertainment
ส่วนในมุมนักแสดง ก็ได้ Archie Madekwe มารับบท Jann Mardenborough พร้อมทั้งนักแสดงชื่อดังคนอื่นๆ ทั้ง Djimon Hounsou, Orlando Bloom และ David Harbour ร่วมสมทบบทบาทในหนังเรื่องนี้ ให้สนุกตื่นเต้นได้ยิ่งกว่าเดิม พร้อมกราฟฟิก และภาพการแข่งรถที่สุดอลังการ ตื่นเต้นจนแทบลืมหายใจ
ดูgran turismo แกร่งทะลุไมล์ สำหรับแฟนกีฬาแข่งรถนั้น อาจจะยิ่งกว่าได้ดูภาพยนตร์เสียด้วยซ้ำ แต่สำหรับแฟนหนังทั่วไป ภาพยนตร์เรื่องนี้ถือว่าสร้างจากเค้าโครงเรื่องจริง
และถูกสร้างให้ครบรส ทุกอณูความเร็ว ซึ่งคุณอาจจะต้องเกาะที่นั่งในโรงภาพยนตร์ให้แน่นไว้ หากรู้สึกว่าจะกระเด็นตกจากที่นั่งได้ทุกเมื่อเลยทีเดียว
ภาพยนตร์เรื่องนี้ จะเริ่มฉายในโรงภาพยนตร์ทั่วประเทศ ทั้งในเครือ Major และ SF cinema ในวันที่ 31 สิงหาคม 2023 นี้
เรื่องย่อ
gran turismo เรื่องจริง สำหรับเนื้อหาของภาพยนตร์ Gran Turismo GT แกร่งทะลุไมล์ จะกล่าวถึง Jann Mardenborough เด็กหนุ่มเมืองคาร์ดิฟฟ์ ลูกชายของ Steve Mardenborough ผู้ที่เคยเป็นนักเตะอาชีพและหวังว่าเขาจะออกไปเล่นฟุตบอลเหมือนอย่างน้องชาย
แต่ความชื่นชอบของเขาคือการอยู่ในห้องกับพวงมาลัยที่พ่วงกับเกมจำลองการขับรถ ซึ่งในแต่ละวัน Jann ก็เอาแต่เล่นเกมแข่งรถ
แม้กระทั่งเวลานอนก็เพ้อฝันถึงการแข่งรถ ซึ่งขณะเดียวกัน Jann ก็ไม่ได้รับการสนับสนุกจากครอบครัวมากนัก จากเด็กที่เล่นแต่เกมแข่งรถอยู่มาวันหนึ่งเขาก็ได้เห็นโครงการ GT Academy
โดย Danny Moore ฝ่ายการตลาดที่ขายความคิดนี้กับทาง Nissan ซึ่งเป็นการแข่งขันเกมเมอร์นักซิ่ง เพื่อเฟ้นหายอดนักแข่งที่แข่งทำเวลาในเกมได้น้อยที่สุด เพื่อก้าวเข้าสู่วงการนักแข่งรถอาชีพในอนาคต
โดย Jann ก็ได้มีโอกาสเข้าร่วมแข่งขันเกมแข่งรถในครั้งนี้ด้วย เพื่อหวังพิสูจน์ให้พ่อของตัวเองเห็นว่า จากเด็กที่ไม่เอาไหนเล่นแต่เกมไร้ประโยชน์คนนี้ ก็สามารถทำตามฝันสู่จุดหมายที่ยิ่งใหญ่ได้เหมือนกัน และการตัดสินใจเข้าร่วมแข่งขันในครั้งนี้ เขาก็สามารถเอาชนะและเข้าร่วมแคมป์ปลุกปั้นสู่การเป็นนักแข่งอาชีพได้สำเร็จ
และในที่สุดความฝันของ Jann ก็เป็นจริง จากเด็กที่ติดเกมในห้องอยู่แต่ในบ้าน ก็ได้เข้าฝึกการเป็นนักแข่งในสนาม และขับรถแข่งที่เป็นของจริง เขารู้สึกดีใจแบบไม่คาดคิดว่าจะเป็นเรื่องจริง
แต่ทุกอย่างก็ไม่ได้ดีเสมอไป เขาทั้งโดนดูถูกจากโค้ชว่าทำไม่ได้ และต้องผ่านการฝึกฝนร่างกายอย่างหนัก จนระหว่างฝึกซ้อมเขาได้เกิดอุบัติเหตุ แต่ด้วยใจที่มุ่งมั่น Jann ก็ไม่เคยคิดจะยอมแพ้ gran turismo เข้าไทย
หลังจากที่ Jann ได้พยายามฝึกฝนทุกอย่างจนสามารถก้าวข้ามผ่านขีดจำกัดตัวเอง เขาก็ได้เข้าร่วมการแข่งขันสนามสูงสุดอย่าง การแข่งขันเลอมังก์ 24 ชั่วโมง (24 Hours of Le Mans)
จนสามารถคว้าอันดับที่ 3 ในรายการนี้ได้สำเร็จ ด้วยความพยายามอย่างหนัก Jann ก็ได้เป็นส่วนหนึ่งของทีม Nissan ค่ายรถแข่งยักษ์ใหญ่และกลายเป็นนักแข่งรถมืออาชีพอย่างแท้จริง และเป็นที่ยอมรับของครอบครัว
พล็อตเรื่อง
พล็อตเป็นหนังที่สร้างจากเรื่องจริง และให้แรงบันดาลใจ ซึ่งเกี่ยวกับการทำตามความปรารถนาของผู้เล่น Gran Turismo ในขณะที่กลุ่มวัยรุ่นที่มีพรสวรรค์เล่นเกมภายใต้แนวคิดที่ว่า หากพวกเขาพลาดการแข่งขันในเกม Gran Turismo Netflix
คุณสามารถเริ่มต้นใหม่ได้ แต่ในชีวิตจริงถ้าคุณทำผิดพลาดอาจตายได้ เป็นเสน่ห์ของเรื่องราวที่น่าติดตาม มันเป็นการดัดแปลงมาจากเกมแข่งรถที่สมจริงที่สุดของ Sony
ในขณะที่ตัวหนังเองก็เล่าถึงหนังที่สร้างจากเรื่องจริง ทำให้โครงสร้างการเล่าเรื่องมีความคล้ายกับกำลังผ่านด่านในโหมดต่าง ๆ ของเกม
ตั้งแต่การเริ่มต้นอัพเลเวลด้วยการลงแข่งขันในสนามหลัก (GT Academy) ออกเดินทางไปแข่งขันในสนามนานาชาติเพื่อให้ได้ใบอนุญาต ก่อนที่จะสามารถลงแข่งในสนามใหญ่ได้
จุดเด่นและจุดด้อยของหนัง
ตัวนักแสดงที่เล่นบท Jann Mardenborough หรือบทพ่อของเขาอย่าง Steve Mardenborough และบทตัวของวิศกรอย่าง Jack Salter ที่คอยแนะนำสิ่งต่างๆให้กับนักแข่ง ต้องบอกเลยว่าถ่ายทอดออกมาได้ดี จนทำให้เข้าถึงความรู้สึกของตัวละครในฉากนั้นเลยทีเดียว
ส่วนอีกสิ่งหนึ่งที่ค่อนข้างจะเด่นและเปิดออกมาให้ผู้ชมได้ยินบ่อยครั้งคือเพลงประกอบที่อยู่ภายในเรื่องโดยเป็นเพลงที่ Jann Mardenborough ชอบฟัง gran turismo gt academy
อย่างเพลง Song Bird ที่ถูกเผยแพร่ในปี 1986 ของ Kenny G และวงเฮฟวี่ เมทัลอย่าง Black Sabbath กับเพลง Paranoid ที่ตัวละคร Jack Salter ชอบฟัง
Gran Turismo แกร่งทะลุไมล์ มีการผสมผสาน CG และภาพของเกมตัดสลับภาพจริงได้อย่างดี แต่ต้องบอกเลยว่าถ้าคนไม่เล่นเกมนี้อาจจะงง ว่าทำไมเอาภาพเหมือนเกมแข่งรถมาใส่อะไรทำนองนี้ได้ ส่วนเนื้อเรื่องในช่วงต้น อาจจะดูไม่หวือหวามากนัก
แต่ไม่ถึงกับน่าเบื่อ หลังจากนั้นกราฟของภาพยนตร์ก็จะค่อยๆเริ่มพีคไต่ระดับแบบอะดรีนาลีนแทบหลั่งตามคอยลุ้นในฉากต่างๆของการแข่งรถและค่อยๆตัดลงด้วยซีนอารมณ์และไต่ระดับขึ้นไปอีกจนจบเรื่อง
ด้วยความที่ตัวหนังมีความเป็น หนังจากเกม ที่ไม่มีสตอรี่อะไรมาแต่เดิม ตัวหนังก็เลยเอารายละเอียด และลูกเล่นจากเกมบางอย่าง เช่น กราฟิก เสียง มุมกล้อง
รวมทั้งกิมมิกการสร้างเกม และจุดเด่นของเกมที่ได้ใช้ลิขสิทธิ์แบรนด์รถยนต์ชั้นนำ การอัปเกรดรถก่อนแข่ง การสอบใบขับขี่ มาช่วยในการแต่งแต้มสีสันให้กับการเล่าเรื่อง gran turismo ดูได้ที่ไหน
แม้งานโปรดักชันจะน่าประทับใจ และตัวหนังถือว่าทำออกมาได้สนุกและดูได้อย่างเพลิดเพลิน แต่ปัญหาที่เกิดขึ้นก็คือบทที่ออกไปทางธรรมดาเกินไปหน่อย ซึ่งเกิดขึ้นได้กับบทที่ดัดแปลงจากเรื่องจริง
แต่พอเป็นหนัง พล็อตที่ดัดแปลงมาแล้วก็ยังถือว่ามีความเป็นหนัง Underdog และปมดราม่าที่แม้จะชวนให้เราอินแต่มันก็ยังเป็นพล็อตที่เล่าเป็นเส้นตรง ดูแล้วเดาตอนจบ จุดพลิกผันของตัวละครได้แทบจะทันที
และพอบทมันธรรมดา คาแรกเตอร์ของตัวละครแต่ละตัวก็เลยออกมาค่อนข้างธรรมดาตามไปด้วย ตามจริงด้วยฝีมือของนักแสดงหลักเอง ก็สามารถถ่ายทอดเรื่องราวออกมาได้ดีพอสมควร แต่ด้วยเพราะบท และการเล่าบางช่วงแบบข้ามไปมา
รวมทั้งการตัดต่อบางจุด ก็มีส่วนทำให้การพัฒนามิติของคาแรกเตอร์ทำออกมาได้ธรรมดา และดูไม่ได้รู้สึกน่าจดจำสักเท่าไหร่
รีวิวหนัง Gran Turismo GT แกร่งทะลุไมล์ บทสรุป
แกร่งทะลุไมล์ รีวิว แม้จะไม่ได้ถึงกับเป็นหนังที่ทำออกมาได้ดีสมบูรณ์แบบ แต่ในแง่ภาพรวม ก็มองว่าเป็นหนังของ PlayStation Production ที่ดีขึ้นมาอีกระดับนะ บทและคาแรกเตอร์อาจดูธรรมดาไปหน่อยสำหรับหนังในยุคนี้ แต่ก็ยังถือว่าเป็นหนังที่ดูได้อย่างเพลิดเพลิน มีพล็อตดราม่าให้รู้สึกอินได้ไม่ยากนัก
เป็นหนังที่เซอร์วิสแฟนเกมแบบกำลังดี ไม่ได้ยัดเยียดจนทำให้คนที่ไม่ได้เล่นเกม และไม่ดูการแข่งรถรู้สึกไม่อินและดูไม่รู้เรื่อง เป็นหนังที่เชื่อว่าทุกคนในทุกช่วงวัยน่าจะสามารถดูได้อย่างสนุกบันเทิง
ด้วยโปรดักชันการแข่งรถที่ทำออกมาได้แรงสะใจ สัมผัสได้ถึงแรงเครื่องยนต์ จนอาจอยากหาเกม Gran Turismo 7 ใน PlayStation 5 มาเล่นให้รู้แล้วรู้รอดไปเลย
สิ่งที่น่าสนใจก็คือ ระบบเสียงด้วย เพราะหนังทำมาเพื่อฉายในโรงภาพยนตร์ IMAX ทำให้มิกซ์เสียงมาอย่างดี เสียงอย่างกระหึ่ม ไม่ว่าจะเป็นเสียงเครื่องยนต์ หรือเสียงของเพลงประกอบ ที่เต็มไปด้วยเพลงชวนขยับตาม ถ้าได้ดูในโรง IMAX จริง
คงยิ่งระทึกยิ่งกว่านี้เป็นแน่ ส่วนในด้านของเทคนิคภาพ ก็อาจจะมีบ้างที่หนังใช้ CG เข้ามาช่วย แม้ไม่ค่อยจะเนียนไปบ้าง แต่ไม่มีอะไรขัดหูขัดตา จนคิดว่ามันเป็นหนังที่คอหนังสายรถแข่งต้องชื่นชอบ ต่อให้ไม่ใช่ก็ยังต้องชอบแหละ หนังมันย่อยง่ายมาก ไม่มีอะไรซับซ้อนเข้าใจยากมากมาย
ความรู้สึกหลังรับชม
ความคิดเห็นส่วนตัวของผู้เขียนสำหรับหนังเรื่องนี้ถือว่าให้ผ่านเลย มีการดำเนินเรื่องที่ทำให้คนดูไม่รู้สึกเบื่อเลย เพราะตัวเรื่องไม่ยืดเยื้อ แถมได้กราฟิก CG ที่ผสมผสานเข้ากับตัวภาพยนตร์ได้เป็นอย่างดี แกร่งทะลุไมล์ 2023
ทำให้คนที่เล่นเกม Gran Turismo เข้าถึงได้ ส่วนสำหรับคนที่ไม่เคยเล่นเกมนี้มาก่อนก็ไม่ต้องห่วง เพราะเส้นเรื่องเข้าใจง่าย การเล่าเรื่องมีทิศทางที่ไม่ซับซ้อนสามารถเดาทางได้
แต่อีกส่วนหนึ่งสำหรับคนที่ไม่ชอบแข่งรถหรือเล่นเกมรถแข่งจะมีเบื่อได้ในบางช่วง และสิ่งที่น่าตื่นเต้นสำหรับในเรื่อง Gran Turismo แกร่งทะลุไมล์ นี้ คือในบางซีน Jann Mardenborough ตัวจริงมาเล่นเป็นนักแสดงแทนอีกด้วย
