รีวิวหนัง Peninsula ฝ่านรก ซอมบี้คลั่ง

รีวิวหนัง Peninsula ฝ่านรก ซอมบี้คลั่ง

สวัสดีค่ะและในวันนี้เราจะมา รีวิวหนัง Peninsula ฝ่านรก ซอมบี้คลั่ง หนังใหม่ชนโรง ต้องยอมรับว่าหนังซอมบี้ที่ดูเหมือนจะขาดตลาดไปหลายต่อหลายครั้งสามารถกลับมามีผลงานโดดเด่นได้เสมอเพราะหนังซอมบี้เป็นสถานที่ ที่ดีที่สุดในการพูดคุยเกี่ยวกับการเมืองและการคอรัปชั่นของมนุษย์

และสำหรับเกาหลีใต้เองก็ได้เปิดตัว Train to Busan หนังซอมบี้ที่วิพากษ์วิจารณ์การทำงานของรัฐบาลและพูดถึงสังคมเกาหลีในตู้รถไฟไปปูซานที่ซอมบี้หนีเข้าไปในตู้รถไฟแคบ ๆ สร้างความตื่นเต้นให้กับครอบครัวซอมบี้ 

และครั้งนี้ ฮยอน ซังโฮ ผู้กำกับ Train To Busan ไม่รอช้าที่จะสานต่อความสำเร็จของเขากับ Peninsula หนังซอมบี้แนวอนาคต เรื่อง Dystopia หรืออนาคตอันมืดมน ที่ออกสู่ตลาดในปีนี้ Netflixแนะนำ

รีวิวหนัง Peninsula ฝ่านรก ซอมบี้คลั่ง

รีวิวหนัง Peninsula ฝ่านรก ซอมบี้คลั่ง ผลงานกำกับโดย ควอนซังโฮ

ถือเป็นเรื่องที่หลายคนรอคอยสำหรับหนังภาคต่อจากจักรวาลเดียวกับ Train to Busan กำกับโดย ควอนซังโฮ หนังซอมบี้เกาหลี ที่ได้กระแสตอบรับดีอและทำรายได้ถล่มทลายมาแล้ว และคราวนี้ก็มาสู่สเกลที่ใหญ่ขึ้นกับ Peninsula ที่มืดหม่นดำดิ่งยิ่งกว่าเดิม

รีวิวหนัง Peninsula ฝ่านรก ซอมบี้คลั่ง

Peninsula เล่าถึงช่วงเวลา4 ปีหลังจากเกิดเหตุการณ์ Train to Busan ในเวลานั้นคาบสมุทรเกาหลีทั้งเหนือและใต้เต็มไปด้วยผู้ติดเชื้อ จนทางการต้องสั่งอพยพประชากรออกไปทั้งหมด จองซอก (คังดงวอน) ทหารชาวเกาหลีใต้ผู้รอดชีวิต ได้อพยพมาอยู่ที่ฮ่องกงกับพี่เขย 

เขาต้องจมอยู่กับความผิดที่ไม่อาจรักษาชีวิตพี่สาวตัวเองไว้ได้แต่ทั้งคู่ก็จำต้องกลับไปยังคาบสมุทรเกาหลีอีกครั้ง เมื่อนักเลงที่ฮ่องกงยื่นข้อเสนอให้ คือกลับไปที่เกาหลีเพื่อขับรถขนเงินมูลค่า 20 ล้านเหรียญกลับมาคืน โดยมีเงินส่วนแบ่งคนละ 2.5 ล้านเหรียญเป็นรางวัล

เรื่องย่อ

เรื่องย่อ Peninsula เล่าเรื่องราว 4 ปีให้หลังนับจากบทสรุปของ Train to Busan ที่จบลงด้วยความสะเทือนใจ ในขณะที่ภาคแรกเราจะไม่ค่อยได้เห็นแวดล้อมภายนอกที่เกิดขึ้นกับประเทศเกาหลีในที่ขณะซอมบี้ระบาด ภาคนี้จะมีการกล่าวถึงความเป็นไป ณ วันนั้น

ทั้งจำนวนผู้เสียชีวิต การรับมือของรัฐบาล หรือความเสียดายต่างๆ ที่นำมาสู่ปัจจุบันที่ทั้งประเทศกลายเป็นดินแดนร้าง เป็นพื้นที่กักกันโรคไม่ให้หลุดรอดออกมาจากขุมนรกแห่งนี้

หนังใหม่ชนโรง

โดยหนังจะเล่าผ่านชายหนุ่มที่สามารถเอาชีวิตรอดจากวันนั้นมาได้ และไปอาศัยอยู่ในฮ่องกง แม้ว่าเขาจะเป็นผู้รอดชีวิต แต่ก็ดูเหมือนชีวิตที่เหลือจะไม่ใช่ชีวิตจริง ๆ

จนกระทั่งวันหนึ่งเขาได้รับงานจากแก๊งมาเฟียให้เดินทางกลับไปยังคาบสมุทธเกาหลีอีกครั้งเพื่อทำภารกิจบางอย่าง จนนำไปสู่การต้องหนีหัวซุกหัวซุนจากทั้งซอมบี้ และกองกำลังบ้าคลั่ง แต่สุดท้ายก็ได้รับการช่วยเหลือจากครอบครัวหนึ่งที่มองเห็นเขาเป็นหนทางหนีรอดออกจากพื้นที่แห่งนี้

พล็อตเรื่อง

ถ้าให้อธิบายคาบสมุทรของฮยอนซังโฮ ฉันจะบอกว่ามันเป็นหนัง Mad Max ที่พยายามขายความดิบและความเลวทรามของมนุษย์ นอกจากนี้เขายังยอมรับอย่างเต็มที่ว่าฉากแอ็กชั่นตอนจบของเรื่องได้รับแรงบันดาลใจมาจาก Mad Max Fury Road โดยสิ้นเชิง

ส่งผลให้ซอมบี้กลายเป็นเพียงองค์ประกอบหนึ่งที่พูดถึงความเสื่อมสลายและความเสื่อมสลายของมนุษย์และทำหน้าที่เป็นการเปรียบเทียบ ความน่ากลัวที่แสดงให้เห็นว่ามนุษย์และความพยายามที่จะเอาชีวิตรอดทำให้เกิดความน่าสะพรึงกลัวมากมาย

โดยเฉพาะกีฬาที่มนุษย์ต้องหนีจากซอมบี้ที่กลายเป็นความบันเทิงอันโหดร้ายสำหรับมาเฟียที่สถาปนาตัวเองเป็นกษัตริย์ในดินแดนเสื่อมโทรม

รีวิวหนัง Peninsula ฝ่านรก ซอมบี้คลั่ง

อย่างไรก็ตาม การเปลี่ยนทิศทางของฮยอนซังโฮอดไม่ได้ที่จะกลายมาเป็นดาบสองคม เพราะหนังโปรโมทตัวเองให้อยู่ในตระกูลหนังซอมบี้และวางตำแหน่งตัวเองเป็นภาคต่อของ Train to Busan

หนังเลยไม่เป็นไปตามความคาดหวังของผู้ชมอย่างแน่นอน ในงานนี้นอกจากซอมบี้จะไม่น่ากลัวหรือสร้างความตื่นเต้นและมีบทบาทสำคัญเหมือนภาคแรกแล้ว การเป็นภาคต่อไม่ได้ขยายประเด็นหรือชะตากรรมของตัวละครที่ผู้ชมชื่นชอบในภาพยนตร์เรื่องแรก

แม้ตัวหนังจะมีประเด็นน่าสนใจไม่น้อยโดยเฉพาะการเอาเกาหลีมาเปรียบกับจีนในฐานะประเทศต้นทางของเชื้อโรคร้ายในโลกของหนังเทียบกับความเป็นจริง

อีกทั้งยังมีฉากที่แสดงให้เห็นว่าคนเกาหลีก็ถูกรังเกียจและไม่มีใครรับเป็นผู้ลี้ภัยประหนึ่งจะโยงมายังวิกฤติ COVID-19 ให้ได้ แต่ประเด็นนี้ก็ถูกพูดถึงแบบผ่าน ๆ จนไม่เหลือความสำคัญต่อเรื่องเท่าใดนัก

จุดเด่นและจุดด้อยของหนัง

อย่างแรกที่ชอบใน Peninsula เป็นความอุตสาหะที่จะสร้างโอบล้อมของตนเองขึ้นมาในลักษณะของภาพยนตร์ Post-Apocalypse เป็นในเวลาที่ภาคแรกพวกเราจะได้มองเห็นความชุลมุนวุ่นวายของหายนะที่เกิดขึ้นแบบไม่ทันตั้งตัว ในภาคนี้พวกเราจะได้ดูการนำมาใช้ชีวิตของผู้คนหลังจากสถานะการณ์นั้น 

เหล่าผู้คนที่รอดออกมาแต่ว่าก็สูญเสียบางสิ่งบางอย่างในชีวิตไป กล้วยๆเป็นหนังเปิดเผยให้มองเห็นความเป็นมวลรวมมากยิ่งขึ้นกว่าความเป็นเฉพาะตน พวกเราได้มองเห็นความเป็นเมือง ความเป็นสังคม ความเป็นประชาชนในหนังมากยิ่งขึ้น

ซึ่งน่าจะเป็นมิติที่เติมเต็มคนอีกหลายๆคนที่สงสัยในความเป็นไปของประเทศเกาหลีข้างหลังภาคแรกจบ (รวมถึงประเทศอื่นๆในโลกด้วย)

หนังใหม่ชนโรง

ยิ่งไปกว่านี้ หนังยังถือโลกหายนะมาเล่าในบริบทที่น่าดึงดูดผ่านการดำรงชีวิตของผู้รอดพ้นจากความตายด้วย รู้สึกหลายๆอย่างมันถูกเล่าได้ด้วยความเป็นประเทศเกาหลี

เป็นถ้าเกิดนี่เป็นหนังฮอลลีวู้ดพวกเราบางครั้งก็อาจจะมิได้มองเห็นอะไรอย่างงี้ เป็นต้นว่า การที่คนประเทศเกาหลีถูกปฏิบัติเป็นคนกลุ่มน้อย ถูกเหมารวมว่าเป็นหายนะ ถูกดูถูกจากคนชาติอื่นว่าเป็นผู้ติดเชื้อโรค 

ซึ่งมันก็โยงไปถึงเรื่องของเมืองที่ไม่ให้ความช่วยเหลือด้วย คนประเทศเกาหลีที่หนีออกมาจากก็เลยเปลี่ยนเป็นผู้หนีภัยที่ไม่มีผู้ใดอยากได้ ไม่มีวิถีทาง ไม่มีอนาคต เป็นการรอดตายที่เสมือนไม่ใช่ชีวิตสักเท่าไหร่ ซึ่งพวกเราถูกใจมากมายๆขั้นแรกมันเล่าอะไรอย่างนี้ออกแล้วหนังน่าดึงดูดขึ้นเยอะพอควร

จนกระทั่งเมื่อหนังเข้าสู่พาร์ทแอ็คชั่นเท่านั้นแหละ เราถึงได้เห็นแผลหลายๆ ส่วนที่ปรากฎขึ้น เรารู้สึกว่าการลำดับหนัง และแบ่งสัดส่วนของหนังมีปัญหาพอสมควร เหมือนคนทำมีความตั้งใจที่จะดีไซน์ฉากแอ็คชั่นออกมาเยอะ และยาว

แต่เงื่อนไขในความตื่นเต้นของมันไม่เหมือนกับภาคแรก มันขาดหัวใจหลายๆ ไปซึ่งถูกแทนที่ด้วยซีเควนซ์แอ็คชั่นยาวๆ ที่กลับกลายเป็นข้อเสียมากกว่าข้อดี

รีวิวหนัง Peninsula ฝ่านรก ซอมบี้คลั่ง บทสรุป

หนังมีกฎ มีข้อตกลง มีแนวทางที่ตัวละครจะต้องเอาชนะซอมบี้อยู่ แม้กระนั้นทุกๆอย่างมันมองใหม่แค่เพียงในองค์แรก มันมิได้ถูกปรับเปลี่ยน ปรับปรุง หรือต่อยอดในขณะต่อไป มันเลยออกมาเป็นหนังแอ็คชั่นที่เพียงพอจะเพลิดเพลินๆมากยิ่งกว่าความสนุกสนาน

เนื่องจากว่าพวกเรามิได้รู้สึกถึงการเอาชีวิตรอดแบบที่ Train to Busan เคยทำให้พวกเรารู้สึกได้ว่าพวกเขากำลังพบอันตรายซึ่งสามารถเอาชีวิตพวกเราได้ทุกครั้ง แต่ภาคนี้คอนฟลิกต์ที่ต้องมีกลับไม่ปรากฎ

หลายๆฉากไล่ล่าแทนที่จะดำเนินการกับพวกเรา เลยออกมาตรงกันข้าม ราวกับมันสตาร์ทตัวการ แม้กระนั้นพอสมควรๆไปแล้วไม่มีอะไร มันก็เลยเป็นส่วนเกินมากยิ่งกว่า

ซึ่งมันออกไปทางเสียดายมากยิ่งกว่า เสมือนไอเดียเริ่มคงจะสนุกสนานมากมายๆสามารถเป็น Mad Max ซอมบี้ได้เลย (ที่จะต้องเอ่ยถึง Mad Max เพราะเหตุว่ามัน Mad Max มากมายๆนั่นแหละ

พวกเราถูกใจการใช้คุณประโยชน์จากเสียงและก็แสงสว่าง ราวกับกำลังเล่นเกมอยู่ที่นักแสดงจำเป็นต้องหลอกซอมบี้ด้วยไฟ หรือการผลิตเสียงเลียนแบบขึ้นมาให้ซอมบี้หลงผิด

รีวิวหนัง Peninsula ฝ่านรก ซอมบี้คลั่ง

แต่ว่าเพียงพอมันวนเวียนอยู่เพียงแค่ข้อจำกัดนั้น หนังมันก็เสมือนมิได้ไปไหนเลย ซึ่งมิได้เป็นเพียงแค่กับซีเควนซ์แอ็คชั่นนะ เรื่องราว หรือผู้แสดงเองก็ดูเหมือนจะมิได้ปรับปรุงด้วยด้วยเหมือนกัน มันราบเรียบ ไม่มีความหวือหวา น่าดึงดูด เพราะว่าหนังต้องให้เวลาไปกับฉากแอ็คชั่น

ซึ่งที่ตรงนี้พวกเราคิดว่า Train to Busan ชั่งน้ำหนักได้กลมกล่อมละมุนละไมกว่า เป็นเวลาที่หนังมันจัดเต็มฉากตื่นเต้น มันก็ยังมีพื้นที่แบ่งมาเล่าพาร์ทดราม่าได้อย่างเต็มที่ด้วย ไม่ใช่แค่กับเรื่องครอบครัว แม้กระนั้นยังรวมทั้งธีม การติชมมนุษย์ สังคม และก็อื่นๆเรียกว่าหนังออกมากลมกล่อมละมุนละไมมากมายๆซึ่งเป็นสิ่งที่ Peninsula ไม่สามารถที่จะทำเป็น แล้วก็แอบเสียดายเล็กน้อย

ความรู้สึกหลังรับชม

หนังทำออกมาได้ดีมากมาย กระทั่งต้องการดูอีกครั้งเลยล่ะ สำหรับ คนไหนกันแน่ที่ไม่เคยดู Train to Busan ก็สามารถดูได้แบบสบายๆกับหนังหัวข้อนี้ Train to Busan: Peninsula ฝ่านรก ซอมบี้คลั่ง สิ่งแรกอยากที่จะให้พวกเราเห็นว่ามันไม่ใช่ภาคต่อของ Busan แต่ว่าทั้งสิ้นฟนั้นอยู่ในจักรวาลเดียวกัน

เปิดเรื่องมาก็มันแล้วกับฉากซอมบี้คลุ้มคลั่งบนเรือย้ายถิ่น หนังเดินเรื่องได้อย่างยอดเยี่ยม ฉากแอ็คชั่นก็สนุกสาแก่ใจแบบสุดๆเสมือนได้ดูหนังหลายๆเรื่องในทีเดียว ไม่ว่าจะเป็น Mad max , John Wick หรือ Fast and Furious อย่างยิ่งจริงๆทั้งสิ้นนี้รวมกันออกมาเป็น Peninsula

หนังใหม่ชนโรง

โดยในภาคนี้หนังจะเน้นย้ำไปที่คนสู้กับคนมากยิ่งกว่าไม่เสมือนในภาคแรกที่จะต้องหนีตายจากซอมบี้ รวมทั้งสำหรับภาคนี้หนังจะแปลงเป็นหนังแอ็คชั่นแบบเต็มกำลังเลย

ที่พวกเราจะได้มองเห็นฉากบู๊ เดือดๆอย่างแน่แท้ จำนวนมากจะเป็นฉากแอ็คชั่นแบบขับขี่รถไล่ล่ากันมากยิ่งกว่า ที่ให้อารมณ์ราวกับใน Mad Max: Fury Road ผสม Fast and Furious เลย ส่วนฉากแอ็คชั่นที่แบบยิงกันเลือดสาดก็จะต้องยกให้อารมณ์เช่นเดียวกับ John Wick เลยล่ะ

ส่วนซอมบี้ก็โหดมากเช่นกันที่วิ่งเร็วกว่ารถและมีปริมาณมากมายเอามากๆที่แบบฆ่าอย่างไรก็ไม่หมด กลุ่มชนดุร้าย 631 ก็ดุร้ายสมชื่อเต็มๆกับการเป็นคนป่าด้ามจับคนมาจัดแจงแข่งขันวิ่งหนีซอมบี้ อันนี้เป็นถูกใจมากมาย น่าดึงดูดดี ด้านผู้แสดงทั้งสิ้นของหนังก็แสดงออกมาก้าวหน้าน้องอี เย วอน สวยมากมาย ถูกใจสกิลสำหรับการบังคับรถยนต์บังคับของน้องมากมาย

ส่วนนักแสดงนำของเรื่องอย่างดัง ดงวอน และ อี จอง ฮยอน อันนี้จะกลายเป็นภาพจำกับหนังหัวข้อนี้อย่างแน่แท้ ด้านของโปรดักชั่นของหนัง อันนี้ก็วัวรตสุดอีกทั้งฉากทั้งยังบรรยากาศของหนังรวมถึงซอมบี้ ทำออกมาได้เจ๋งเลยชื่นชอบ

และก็สิ่งที่จะไม่ดูมิได้ซึ่งก็คือไอเดียของผู้กำกับยอน ซังโฮ ของหนังหัวข้อนี้บอกเลยเรื่องนี้กินขาด ไม่ซ้ำใครแน่ๆ และไม่อยากที่จะให้พลาดกันสำหรับหนังเรื่องนี้ Train to Busan: Peninsula ฝ่านรก ซอมบี้คลั่ง

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *